หน่วยงานของสหประชาชาติ ออกรายงานเตือนสถานการณ์ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ว่ากำลังเกิดการสังหารหมู่กลุ่มชาติพันธ์ุ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 250 ราย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอเอชซีเออาร์) ออกรายงานเปิดเผยว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 250 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 62 คน และสถานการณ์อาจขยายเป็นการกวาดล้างกลุ่มชาติพันธ์ุในประเทศได้

เจ้าหน้าที่สืบสวนนานาชาติกล่าวโทษว่า การสังหารหมู่เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธ ‘บานา มูรา’ และเจ้าหน้าที่กองทัพรัฐบาล โดยการสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิต 96 คน ที่หลบหนีจากรัฐคาไซ ไปยังประเทศแองโกลาที่อยู่ข้างเคียง ทำให้รู้ว่ากองกำลังความมั่นคงท้องถิ่นปลุกระดม, ใส่ไฟ และบางครั้งก็เป็นผู้นำการโจมตีกลุ่มชาติพันธ์ุ

ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากการสังหารหมู่ของกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังความมั่นคง
ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บจากการสังหารหมู่ของกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังความมั่นคง

...

ผู้รอดชีวิตรวมไปถึงเด็กอายุ 7 ขวบ ผู้ที่นิ้วมือหลายนิ้วถูกตัดขาด, ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหลังจากคลอดลูก และผู้หญิงที่ซ่อนตัวในป่า หลังจากหมู่บ้านของเธอถูกโจมตี ทำให้เธอต้องเสียแขน 1 ข้าง รายงานของยูเอ็นโอเอชซีเออาร์ระบุ

ทั้งนี้ ทีมสืบสวนด้านมนุษยชนกลุ่มหนึ่งเปิดเผยด้วยว่า พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่ากลุ่มติดอาวุธชื่อ ‘บานา มูรา’ ซึ่งเพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วยเด็กอายุระหว่าง 12-19 ปี และสนับสนุนรัฐบาล เป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางยูเอ็นได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลดีอาร์คองโกลงโทษผู้ที่ให้ความช่วยเหลือกลุ่มบานา มูรา แล้ว.