ศาลฎีกา นัดพิพากษา บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ คดีฮั้วประมูลค้าข้าวจีทูจี 25 ส.ค.นี้ ด้านเจ้าตัวมั่นใจจะได้รับความเป็นธรรม ส่วนคดีทางแพ่งได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองแล้ว

เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 5 ก.ค.60 ศาลฎีกา นัดไต่สวนพยานจำเลยนัดสุดท้าย คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และองค์คณะรวม 9 คน ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 1 , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ 2 พร้อมพวกรวม 28 ราย เป็นจำเลยที่ 1-28 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ , ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โดยศาลสั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาทที่คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ

ต่อมาทนายของนายบุญทรง ได้นำ นายซู จ้าวหมิง ทนายความบริษัทเอกชนในประเทศจีน ซึ่งได้รับว่าจ้างให้ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายข้าวของบริษัท กวางตุ้ง จำกัด และบริษัท ไห่หนาน เกรน แอนด์ ออยล์ อินดัสเทรียล เทรดดิ้ง ขึ้นเบิกความเป็นพยานสรุปว่า หากรัฐบาลกลางจีนจะทำสัญญาซื้อขายระหว่างรัฐกับรัฐจะต้องทำในนามรัฐบาลกลางของจีน และถ้ารัฐบาลท้องถิ่นจีนเป็นผู้เจรจาเองก็ต้องทำในนามของรัฐบาลท้องถิ่น แต่เมื่อปี 2546 หลังจากจีนปฏิรูปประเทศออกกฎหมายและออกกฎระเบียบชั่วคราวการนำเข้าสินค้าเพื่อการเกษตรฯ ทำให้ทุกบริษัทมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการขอโควต้าจากรัฐบาลกลางจีนเพื่อซื้อขายสินค้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งยังมอบอำนาจให้ผู้แทนหรือรัฐบาลท้องถิ่นจีน หรือบริษัทรัฐวิสาหกิจเป็นผู้เจรจาซื้อขายแทน ดังนั้น การที่บริษัทที่บริษัมทั้ง 2 จะเลือกเซ็นสัญญากับรัฐบาลไทยเองก็ได้ขอแค่กลับไปรายงานรัฐบาลท้องถิ่นเื่านั้น

...

กวางตุ้งฯ และบริษัทไห่หนานฯ ซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่นจีนจะเลือกเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทยเองก็ได้ ขอแค่กลับไปรายงานกับรัฐบาลท้องถิ่นเท่านั้น เพราะรัฐบาลท้องถิ่นได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางของจีนเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนที่ว่าบริษัท 2 แห่งนี้เซ็นสัญญาซื้อขายข้าวในนามของรัฐบาลกลางจีนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

ทั้งนี้หลังจากศาลได้ใต่ความพยานทางฝั่งจำเลยทั้ง 3 ปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 ส.ค. 60 เวลา 9.00 น. ส่วนนายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 กับจำเลย ที่ 4 -5 ขอศาลแถลงปิดคดีด้วยวาจานั้น ศาลเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่จะให้ส่งคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะทำได้ละเอียดกว่า ศาลจึงให้คู่ความทุกฝ่ายยื่นคำแถลงปิดคดีส่งต่อศาลภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ หากไม่ส่งตามกำหนดถือว่าไม่ติดใจ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นการไต่สวน นายบุญทรง กล่าวว่า มีความมั่นใจพยานหลักฐาน เราทำเต็มที่ต่อสู้ในทุกประเด็น และมั่นใจว่าศาลได้ดูและได้ฟังพยานหลักฐานที่ฝ่ายเรานำเข้าไต่สวนครบทุกประเด็น คงจะได้รับความเป็นธรรม ส่วนการบังคับคดีอายัดทรัพย์ในทางแพ่งก็เป็นกระบวนการที่เราอยู่ระหว่างยื่นฟ้องศาลปกครอง หากถามว่ามีความกังวลหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นไปตามที่ศาลฎีกาฯได้สั่งไว้ ทั้งไม่มีอะไรต้องเตรียมใจ ผลออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นตามนั้น ส่วนที่จะกลับสู่การเมืองหรือไม่ ตนขอให้คดีจบก่อน ดีกว่า ส่วนที่มีการบังคับคดีทางแพ่งในการยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ค่าเสียหายนั้น ตนก็ได้ยื่นเป็นคดีต่อศาลปกครองแล้ว ก็รอส่งเอกสารเพิ่มเติม.