“ไซซะนะ” ให้การปฏิเสธ ขอสู้คดีกระทำผิดยาเสพติด ขณะที่อัยการโจทก์แถลงนำพยานเข้าสืบ 9 ปาก ใช้เวลา 5 นัด ฝ่ายจำเลยนำพยานเข้าสืบ 3 ปาก ใช้เวลา 2 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต พร้อมนัดสืบโจทก์ครั้งแรก 13 ก.พ.ปีหน้า

เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ 19 มิ.ย. 60 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 805 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไซซะนะ แก้วพิมพา (MR.XAY SANA KEOPIMPHA) อายุ 42 ปี สัญชาติลาว อาชีพเกษตรกรรรม ถิ่นที่อยู่ ตำบลบ้านหนองไฮ อ.เมืองหาดชายฟอง แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันนำเข้ายาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66 และ 100/1 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 4-5, 8, 14 อันเป็นที่มาของการดำเนินคดีกับ นายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ, นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง และแพท ณปภา ตันตระกูล ฐานฟอกเงิน

คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า จำเลยกับพวกที่อยู่ สปป.ลาว รวมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คน ร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยาจาก สปป.ลาว เข้ามาในประเทศไทย เพื่อส่งต่อ ซึ่งพวกจำเลยได้มีการขับรถนำทาง และสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ของไทย และประเทศมาเลเซียต่อไป

...

โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 จำเลยกับพวกที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว และอีกหลายคนที่หลบหนียัง ไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันนำยาบ้าจำนวน 1.2 ล้านเม็ด จาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดหนองคาย เข้ามาในไทย โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ตำรวจสามารถจับเครือข่ายจำเลยพร้อมยึดของกลางได้

กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ ซึ่งระหว่างนั้นจำเลยได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาโดยตลอด เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย, ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา, ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จังหวัดชุมพร และ ลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จังหวัดสงขลา

โดยวันนี้ นายไซซะนะ จำเลย ถูกนำตัวมาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางในชุดนักโทษรุ่นใหม่ ที่กางเกงขาสั้นมีซิปที่ชายกางเกงด้านใน ที่สามารถถอดประกอบผ่านโซ่ตรวนที่ขาได้โดยสะดวก ที่เดิมสวมใส่ยากเพราะต้องรอผู้คุมมาถอดโซ่ หรือต้องใช้ทักษะยุ่งยาก ในนัดนี้มีญาตินายไซซะนะมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย

ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟัง แล้วสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งจำเลยแถลงยืนยันให้การปฏิเสธคำฟ้องทุกข้อหา ขณะที่จำเลยมีสัญชาติและเชื้อชาติลาว แถลงว่าสามารถเข้าใจและพูดภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ไม่ประสงค์ที่จะใช้ล่ามแปลภาษา

ต่อมา พนักงานอัยการแถลงนำส่งพยานเอกสารจำนวน 41 ฉบับ และขอสืบพยานโจทก์ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนและรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะจับกุมจำเลย เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าว พยานบุคคลอื่น เช่น นักโทษที่เรือนจำนครศรีธรรมราชที่ให้การซัดทอดจำเลยรวม 11 ปาก แต่ถ้าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับพยานในชั้นจับกุมและพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ยาเสพติดของกลางก็จะตัดพยานเหลือ 9 ปาก ใช้เวลาสืบรวม 5 นัด โดยขอสืบพยานทางจอภาพวิถีไกลสำหรับพยานนักโทษที่เรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนทนายความจำเลย แถลงว่า ขอนำพยานเข้าสืบหักล้าง รวม 3 ปาก ใช้เวลา 2 นัด คือ นายไซซะนะ จำเลย ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานกับ นายชุมพร พนมไพร และ นายทศพล พลลี ซึ่งทั้งสองถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับความผิดยาเสพติด

ทั้งนี้ จำเลยแถลงยอมรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพยานในชั้นจับกุม และเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์ยาเสพติดของกลาง รวม 2 ปาก ศาลจึงอนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าสืบจำนวน 9 ปาก ใช้เวลา 5 นัด และอนุญาตให้ฝ่ายจำเลยนำพยานเข้าสืบ จำนวน 3 ปาก ใช้เวลา 2 นัด ซึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 13 ก.พ. 2561 เวลา 09.30 น.

มีรายงานข่าวว่าในวันนี้ นายสิทธิโชค ตรีเนตร ทนายความของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นักแข่งรถผู้ต้องหา คดีสมคบฟอกเงินและสนับสนุน หรือช่วยเหลือสมคบกันค้ายาเสพติด เครือข่ายนายบอย นาคคำ ได้มาร่วมฟังการพิจารณาคดีนี้ด้วย