สตม.บุกรวบคาปั๊มน้ำมันเมืองอุบลฯ หญิงแดนอาทิตย์อุทัยวัย 61 ปี หนีคดีโกงเงินแชร์ลูกโซ่ 700 ล้านเยน หรือ 200 ล้านบาท มากบดานเมืองไทย...

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 เม.ย.60 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.สส.สตม.ผกก.2 พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี สว.กก.2 ร.ต.ท.กิตติพันธ์ เอี่ยมจรูญ รอง สว.กก.2 ร.ต.ต.ชัยณรงค์ เหมพรม รอง สว.กก.2 ด.ต.หญิงดารณี สนธิสมบัติ ผบ.หมู่ กก.2 ด.ต.ศักดิ์ศรี ท้าวหลาน ผบ.หมู่ กก.2 จ.ส.ต.อัครเดช เอี่ยมจรูญ ผบ.หมู่ กก.2 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 นำกำลังร่วมกันเข้าจับกุม นางเซทซึโกะ ยามาเบะ (Mrs.Setsuko Yamabe) อายุ 61 ปี ชาวญี่ปุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับของตำรวจสถานีตำรวจคุมาโมโตะ - ฮิงาชิ ซึ่งออกโดยศาลเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ข้อหากระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายการรับฝากเงินลงทุน การรับฝากเงิน และอัตราดอกเบี้ย อันเป็นเหตุให้เป็นบุคคลต้องห้าม ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ทาง สตม.ประเทศไทยได้ทำการแจ้งข้อหา เพิกถอน ตามมาตรา 12 อนุ (7) ห้ามมิให้คนต่างด้าวซึ่งมีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุข หรือความปลอดภัยของประชาชนซึ่งความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ โดยจับกุมได้ที่ภายในสถานบริการน้ำมัน ปตท. ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.ท.ณัฐธร ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เรื่องแจ้งหมายจับและยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลสัญชาติญี่ปุ่น และขอความร่วมมือ สตม.อย่างเร่งด่วนให้สืบสวนติดตามจับกุมตัวนางเซทซึโกะ ยามาเบะ ได้กระทำความผิดและหลบหนีเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ก่อนหน้านี้ได้ก่อคดีฉ้อโกงในลักษณะแชร์ลูกโซ่ สร้างความเสียหายให้กับประชากรชาวญี่ปุ่น มูลค่าความเสียหาย 700 ล้านเยน หรือประมาณกว่า 200 ล้านบาท

...

ชุดสืบสวนจึงออกติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ จนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทราบข้อมูลจากการสืบสวนว่า เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 ม.ค.60 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว 60 วัน แล้วยื่นขอต่อวีซ่าอีก 30 วัน โดยยื่นคำร้องที่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 หรือ บก.ตม.1 และได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในประเทศไทยถึงวันที่ 19 เม.ย.60 ก่อนผู้ต้องหาได้เดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานี จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหาบริเวณภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและเข้าทำการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมายัง กก.2 นำผู้ต้องหาส่ง พงส.บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการต่อไป

ต่อมา พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ สตม. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน ระดมกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ คนต่างชาติผิดกฎหมาย พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยสามารถจับกุมอาชญากรข้ามชาติที่หนีคดีมาหลบซ่อนตัวในประเทศไทยรายสำคัญ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1. เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ร่วมกันจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายจาง จวินเหว่ย นายหลิน ชิน ฮุง และ นายอู๋ เจิ้ง เฉียง ชาวไต้หวัน แกนนำแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่หนีเข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นฐานในการก่อเหตุ

2. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกันควบคุมตัว นายแมทเวย์ ชูวาโลว์ (Mr.Matvey Shuvalov ) อายุ 45 ปี ชาวรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล ข้อหาฉ้อโกง และถูกทางการรัสเซียเพิกถอนหนังสือเดินทาง ซึ่งเข้ามาหลบอยู่ในประเทศไทยกว่า 20 ปี มีลูกกับภรรยาชาวไทย จำนวน 4 คน พูดภาษาไทยได้ชัดเจน และรู้จักกับเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต อีกด้วย

3. เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา กก.1 บก.สส.สตม. ร่วมกันควบคุมตัว นายสติก แอ็บจอร์น (Mr.Stig-asbjoern Indal ) ชาวนอร์เวย์ บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล และหมายจับศาลแขวงฟูลลู ประเทศนอร์เวย์ ในข้อหาก่อเหตุความรุนแรงทางเพศ ทั้งนี้ ภรรยาชาวไทยมักมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวที่ประเทศไทยด้วย

4. เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมตัว นายแอเรียล แบกเลย์ (Mr.Aarl Bagley ) ชาวสหรัฐอเมริกา บุคคลตามหมายจับคดีทางเพศในประเทศสหรัฐอเมริกา น่าเชื่อว่าอาจเข้ามาก่อเหตุลักษณะเดียวกันในประเทศไทย

และ 5. เมื่อ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมตัว นายยาคอฟ เอลฟาซี (Mr.Yakov Elfasi ) ชาวอิสราเอล บุคคลตามหมายจับของทางการอิสราเอล ในข้อหากระทำผิดทางเพศและปลอมแปลงเอกสาร โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูก ตม.เพิกถอนใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป.