เหยื่อ “แท็กซี่สาวเจ้าอารมณ์” สุดทนพฤติกรรมเก่า โผล่ท้วงคดีแจ้งความปี 57 โดนฉกเงิน 2 พัน แถมไล่ลงกลางทางทำประตูรถหนีบแข้งเป็นแผลฟกช้ำ ตร.จ่อแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเพิ่ม ขณะที่รายงานข่าวพบ เจ้าตัวหลบหนีลงใต้แล้ว

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 เม.ย.60 ที่ สน.พหลโยธิน น.ส.ปิยาณี ยมนานนท์ อายุ 34 ปี เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี เมื่อปี 2557 ที่เคยแจ้งความเอาผิด น.ส.ผุสดี อัญชัญภาติ คนขับแท็กซี่หญิงที่ชิงเงินจำนวนกว่า 2,000 บาท และไล่ตนลงจากรถจนทำให้ประตูรถหนีบขาจนได้รับบาดเจ็บ แต่คดีไม่คืบหน้า และเป็นคนเดียวกับที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ที่มีการไล่ผู้โดยสารลงจากรถแท็กซี่ที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลอีกด้วย โดยมี พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน และพ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ รอง (ผกก.) สอบสวน สน.พหลโยธิน มารับเรื่องดังกล่าว

น.ส.ปิยาณี กล่าวว่า เมื่อเดือน ก.ย. 2557 เวลา 22.00 น. ตนได้เรียกแท็กซี่คันดังกล่าวจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อที่จะไปลาดพร้าวซอย 1 เมื่อตนโบกแท็กซี่ และเห็นผู้หญิงเป็นคนขับจึงรู้สึกปลอดภัย แต่ตลอดทางคนขับพยายามใช้วาจาไม่สุภาพต่อว่าตนเองตลอดเวลาว่าเรื่องมาก จะให้เข้าไปส่งในซอยแคบๆ ซึ่งตนก็ได้ขอลงเพื่อจะต่อแท็กซี่คันอื่น แต่แท็กซี่รายดังกล่าวก็ไม่ยอมจอดรถ และพยายามไล่ตนลงจากรถตลอดเวลา จนไปถึงบริเวณกลางซอยลาดพร้าวซอย 1 ที่เป็นจุดเปลี่ยวและมืด คนขับแท็กซี่ก็จอดรถและไล่ พร้อมกระชากเงินไปจากมือประมาณ 2,000 บาท พร้อมโยนเงินเหรียญจำนวน 5 บาทมาให้ บอกว่าเป็นเงินทอน ขณะที่ตนกำลังจะก้าวขาลง คนขับรถกลับกระชากรถออกไปทันที ทำให้ประตูรถกระแทกที่บริเวณหน้าแข้งจนเป็นแผลฟกช้ำ ทำแบบนี้อยู่ 4-5 ครั้ง ตนจึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถเพราะความกลัว หลังจากนั้นได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.พหลโยธิน แต่ไม่คิดว่าหญิงรายดังกล่าวจะกลับมาขับรถแท็กซี่อีก และยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม วันนี้จึงเดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม

...

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจจะแจ้งข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง และวิ่งราวทรัพย์แก่หญิงขับแท็กซี่คนดังกล่าว และหลังจากได้ผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายจากแพทย์ รพ.บางปะกอก 3 ที่มีการตรวจไว้ตั้งแต่ปี 2557 แล้ว ประกอบกับสอบปากคำแพทย์ผู้ตรวจ ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายเพิ่มเติม และออกหมายจับตามขั้นตอน ซึ่ง น.ส.ผุสดี มีประวัติเคยก่อเหตุในลักษณะนี้ในพื้นที่สน.บางซื่อ และ สน.บางเขน อีกทั้งยังมีหมายจับติดตัว โดยทางกรมการขนส่งทางบกได้เพิกถอนใบขับขี่ น.ส.ผุสดี ไปเมื่อปี 2558 แต่น.ส.ผุสดีก็ยังคงมาขับรถแท็กซี่อีก ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นทางอู่ต้นสังกัดที่ให้ น.ส.ผุสดีเช่ารถขับ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติขนส่งทางบกเช่นกัน

"หากผู้ใดพบเห็น น.ส.ผุสดีก็สามารถแจ้งตำรวจให้จับกุมได้ทันที เนื่องจากเป็นบุคคลมีหมายจับอยู่แล้ว และขณะนี้ได้รับรายงานว่าหลบหนีลงไปยังภาคใต้ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวแล้ว" รอง ผบช.น.กล่าว.