ตร. แจ้ง 2 ข้อหาหนัก "แม่บ้าน" ปมผสมสารฆ่าเชื้อในอาหาร ทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรอง - ปลอมปนอาหาร แม้เจ้าตัวปฏิเสธ แต่หลักฐานแน่น มีประวัติเคยก่อเหตุลักทรัพย์หลายพื้นที่

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เตือนภัย หลังจ้างแม่บ้านจากกลุ่มเฟซบุ๊กมาทำความสะอาดบ้าน แต่กลับพบพฤติกรรมนำ "เดทตอล" หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ ผสมใส่ในนมให้ลูกของตนดื่ม โดยผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นความพยายามทำให้เด็กหมดสติ เพื่อก่อเหตุลักทรัพย์ ซึ่งต่อมาพิธีกร "หนุ่ม กรรชัย" ได้เชิญคู่กรณีดังกล่าว ไปออกรายการ โดยทาง "แม่บ้าน" ยืนยันไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก เข้าใจผิดคิดว่าน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นนม พร้อมแจงเหตุผลถ่ายรูปของในบ้าน ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (แม่บ้านยืนยัน ไม่ได้ตั้งใจวางยาเด็ก อ้างคิดว่าเป็นนม แจงเหตุผลถ่ายรูปของในบ้าน)

ต่อมาภายหลังจากจบรายการ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว "แม่บ้าน" ดังกล่าว ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียด 

ล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ 30 ธันวาคม 2568 พลตำรวจตรีวิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหากับ นางแอน หรือ "ป้าแอน" แม่บ้าน เป็นผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาปลอมปนอาหาร จากกรณีผสมสารฆ่าเชื้อในอาหารให้เด็กอายุ 2 ขวบรับประทาน โดยผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลแขวงพระนครใต้ฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์อาจก่อเหตุซ้ำ 

...

โดยผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ระบุว่า คดีนี้ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะรายการโหนกระแส และ หนุ่ม กรรชัย ซึ่งช่วยให้ข้อมูลและพยานหลักฐานจำนวนมาก ทำให้การรวบรวมสำนวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและรัดกุม

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ขณะไปทำงานเป็นแม่บ้าน และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก แต่ให้รอลงอาญา

นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2568 ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในคอนโดย่านอ่อนนุช โดยผู้เสียหายรายหนึ่งชื่อ "โบว์" ไม่ได้แจ้งความในขณะนั้น แต่ภายหลังทราบข่าวคดีผสมสารฆ่าเชื้อให้เด็กกิน จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจมีพฤติกรรมวางยาเช่นเดียวกันตั้งแต่ครั้งก่อน โชคดีที่ผู้เสียหายไม่รับประทานอาหารจากคนแปลกหน้า จึงไม่เกิดอันตราย และได้ตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้

ตำรวจยังเปิดเผยว่า ได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 2 เครื่อง เพื่อนำไปตรวจสอบข้อมูลการติดต่อและพฤติกรรมย้อนหลัง ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับคดีอื่นเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ขอให้ผู้เสียหายรายใดที่เคยถูกผู้ต้องหารายนี้กระทำในลักษณะเดียวกัน เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด