ฉวยโอกาสช่วงราคาทองพุ่ง 2 หนุ่มตระเวนขายฝาก "ทองปลอม" สุดท้ายไม่รอดถูกจับ สารภาพทำมา 16 ครั้ง ได้เงิน 8 ล้านบาท ตำรวจเตรียมขยายผลตามจับคนสั่งการ
วันที่ 15 ธ.ค. 2568 พ.ต.อ.ชินวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ชุดป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายวุฒิโรจน์ หรือ สับปะรด ฉายบุญครอง อายุ 35 ปี และ นายวีรภัฎ (แซม) อภิโรจนนันท์ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางทองรูปพรรณปลอม 5 เส้น เงินสด 550,000 บาท รถเก๋งสีขาว ทะเบียน 6 ขธ-7611 กรุงเทพมหานคร
...
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในช่วงที่ทองคำมีราคาขายที่สูงขึ้น ก็มีมิจฉาชีพก่อตัวขึ้นมาเพื่อหาประโยชน์จากทอง ด้วยการขายฝากทองคำปลอมตามร้านค้า เพราะถ้าขายขาด ก่อนจ่ายเงินร้านทองจะมีการตรวจทองรูปพรรณอย่างละเอียด แต่ถ้าขายฝากร้านทองจะไม่มีการขูดทองที่นำมาขายฝาก เนื่องจากเกรงว่าทองของลูกค้าจะเสียหาย
แต่ล่าสุดมีร้านทองในเมืองขอนแก่น ที่เคยถูกผู้ต้องหานำทองรูปพรรณลายหวายน้ำหนัก 10 บาทมาขายฝาก แต่หลังจากขายฝากไปประมาณ 3 เดือนก็ไม่มาต่อดอกทองหรือไถ่ถอน ทางร้านจึงประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังเครือข่ายร้านทองห้างทองให้ทราบเรื่อง
จนล่าสุด ชายคนเดิมก็นำทองน้ำหนักเท่าเดิมลายเดิมมาฝากขายอีกครั้ง ห้างทองฯ จึงแจ้งตำรวจไปตรวจสอบและจับกุม โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากร้านทองแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลศิลา อ.เมืองขอนแก่น ว่ามีคนนำสร้อยคอทองคำลายหวาย น้ำหนัก 10 บาท มาขายฝากที่ร้าน ทางร้านให้ราคา 550,000 บาท แต่ร้านตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นทองปลอม เพราะเป็นสร้อยเงิน เคลือบด้วยเนื้อทองคำ 96.5% จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนที่นำทองปลอมมาจำนำที่ร้านให้ด้วย
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จึงรีบเดินทางไปที่ร้านทองดังกล่าว ก็พบ นายวีรภัฎ นั่งอยู่ในร้าน ซึ่งทางร้านยืนยันว่าเป็นคนนำทองปลอมมาขายฝากที่ร้าน แล้วยังพบรถเก๋งทะเบียน 6 ขธ-7611 กรุงเทพมหานคร มีนายวุฒิโรจน์ นั่งในรถ จึงได้นำนายวีรภัฎไปตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง ซึ่งนายวีรภัฎ ยอมรับว่า เสพยาไอซ์ จึงแจ้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และพบบุหรี่ไฟฟ้าในตัวของนายวุฒิโรจน์ จึงแจ้งความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ศุลกากร
พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายวีรภัฎ เกี่ยวกับการนำสร้อยคอรูปพรรณ น้ำหนัก 10 บาท มาขายฝากที่ร้านทองดังกล่าว เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้นำสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 10 บาทมาขายฝากที่ร้านดังกล่าวจริง โดยมีนายวุฒิโรจน์ร่วมก่อเหตุด้วย
จากการสอบสวนขยายผลทั้ง 2 คน ทราบว่าการนำทองรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาทมาขายฝากตามร้านทองต่างๆ นั้น ทำร่วมกันมาทั้งหมด 16 ครั้ง โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน พ.ย. 2568 จนถึงปัจจุบัน นำทองมาขายฝากในร้านทองในพื้นที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น จำนวน 6 ร้าน พื้นที่ จ.อุดรธานี จำนวน 4 ร้าน พื้นที่ จ.สกลนคร 3 ร้าน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 4 ร้าน ได้เงินมาประมาณ 8,000,000 บาท
ทั้งนี้ ทุกอย่างดำเนินการตามคำสั่งจากชายที่ใช้ชื่อในแอปพลิเคชันเทเลแกรม ใช้ชื่อแอคเคานต์ว่า Jinbae หรือ บอส โดยบอสจะสั่งการให้คนนำทองรูปพรรณมาส่งมอบให้ครั้งละ 10 เส้น แต่ละเส้นหนัก 10 บาท จากนั้นบอสก็จะสั่งการให้นำทองแต่ละเส้นไปขายฝากตามร้านทองต่างๆ ที่บอสส่งโลเคชันให้ ทั้งสองคนก็จะทำตาม โดยนายวุฒิโรจน์ จะไปรับทองมาจากคนของบอส จากนั้นก็มามอบให้นายวีรภัฎ นำไปขายฝากในร้าน
หลังดำเนินการเสร็จสิ้น นายวีรภัฎ จะได้รับเงินค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท นายวุฒิโรจน์ได้ค่าจ้าง 6,000 บาท ซึ่งหลังหักค่าจ้างออก เงินสดที่เหลือนายวุฒิโรจน์จะนำเข้ามาที่กรุงเทพฯ จากนั้นบอสจะให้รถจักรยานยนต์รับจ้างมารับเงินสดจากนายวุฒิโรจน์ไปส่งให้บอส หลังสอบสวนจึงแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง
...
ทั้งนี้ ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น จะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิดที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในขบวนการจำนำทองปลอม ที่ตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ตำหนิรูปพรรณสร้อยคอรูปพรรณลักษณะคล้ายทอง น้ำหนัก 10 บาท ให้ห้างทอง ร้านทองทราบ หากพบว่ามีความเสียหายแนะนำให้พบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ นายวุฒิโรจน์ หรือ สับปะรด ยังถูกตรวจพบบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งยี่ห้อ Gues Banbo จำนวน 1 ชิ้น อยู่ภายในรถเก๋งคันดังกล่าว จึงถูกแจ้งข้อหาช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 พร้อมของกลาง
ขณะที่ นายวีรภัฎ ถูกแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ยาไอซ์ โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เนื่องจากพบของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนักรวมถุง 0.26 กรัมภายในกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่ในรถ จากนั้นควบคุมตัวทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.