กู้ภัยแจงคลิปวงจรปิด คุยโทรศัพท์ต่อรองหน้าบ้าน "นัทปง" ยันเป็นการคุยราคาจัดงานศพของอีกเคส ไม่เกี่ยวข้องกัน ย้ำคนได้ยินเสียงเพี้ยน พูดเรื่อง "หงส์" หน้าเมรุ ไม่ใช่ "ผง"

จากกรณีการเสียชีวิตของ นายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ "นัทปง" หรือ นักข่าวชื่อดังในบ้านพัก จ.นนทบุรี ยังคงเป็นประเด็นที่สงคมให้ความสนใจ หลังจากที่ผลชันสูตรออกมาว่า พบสารไซยาไนด์ในกระแสเลือดและกระเพาะอาหารในระดับที่เป็นอันตราย

โดยมีการเปิดข้อมูลและไล่เรียงไทม์ไลม์ ภาพกล้องวงจรปิดข้างบ้าน ที่บันทึกเสียงและภาพเหตุบริเวณหน้าบ้านของ  "นัทปง" ไว้ได้ ในช่วงเวลาตั้งแต่คืนก่อนเกิดเหตุ จนช่วงเช้าที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามา โดยมีหนึ่งในช่วงเวลาที่หลายคนสงสัย และพูดถึงเป็นอย่างมาก คือ ภาพกล้องวงจรปิด ช่วงวันที่ 30 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 09.51 น. ที่บันทึกเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง ขณะยืนสนทนาผ่านโทรศัพท์บริเวณด้านหน้าบ้านของ "นัทปง" โดยมีการพูดลักษณ์คล้ายกับแจ้งข้อมูลต่อรองราคาบางอย่างกับสาย เนื่องจากมีการพูดถึงเรื่องเงิน 1 แสน

ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. 68 นายแบงค์ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งเป็นเจ้าของเสียงสนทนาที่ปรากฏตามภาพในกล้องวงจรปิด ได้เดินทางเข้ามาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ก่อนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว พร้อมเปิดรูปภาพตัวอย่างการจัดงานศพแบบครบชุด ว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตในบ้าน จึงเข้าไปตรวจสอบตามปกติ ตอนที่ตนเข้าไปเจอศพนอนอยู่บนพื้น และมีเพื่อนเขาอยู่ 2 คน ตนจึงถามว่าเขาเป็นใคร เป็นญาติหรือเปล่า แต่เขาบอกเป็นเพื่อน ตอนที่ตนได้รับแจ้งทีแรก รับแจ้งว่ามีผู้ป่วย แต่มาแจ้งอีกทีว่าเสียชีวิต

...

ส่วนที่มีคลิปเสียงว่าตนคุยโทรศัพท์และมีการต่อรองราคา เป็นอีกเคสที่ตนกำลังคุยการจัดงานศพอยู่ ว่าจะจัดงานศพครบชุดในราคา 100,000 บาท ต่อรองราคาเหลือ 85,000 บาท แต่ตนบอกว่าลดราคาไม่ได้ เพราะมันมีหงส์หน้าเมรุ และดอกไม้สดครบชุดด้วย ซึ่งตนไม่ได้คุยเรื่องของนายณัฐวุฒิฯ เลย ตนพูดว่า "หงส์" ไม่ใช่เรื่อง "ผง"

ตนไม่รู้จักกับผู้ตาย และที่บอกว่ามีผู้ใหญ่ คือคุยกับผู้ใหญ่บ้านจะปิดเคสการจัดงานศพ ซึ่งตนกำลังคุยต่อรองราคาค้างไว้อยู่ แต่ได้รับแจ้งเหตุจึงมาเคสนี้ก่อน ตอนที่เข้าไปเจอศพ ตนไม่เจอซองยาตามที่บอก ตอนนี้ตนได้รับความเสียหายจากข้อกล่าวหาว่ากู้ภัยได้เข้าไปเรียกรับเงิน เพื่อจะปิดเรื่องบางอย่าง

หลังจากที่ตนได้รับรู้ว่าศพมีสารไซยาไนด์ ก็ตกใจ และไม่รู้ว่าเป็นนักข่าว ตอนที่ตนเข้าไป ยังไม่ได้เก็บศพ แค่ถ่ายรูปและส่งให้ร้อยเวร และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถ้าดูจากกล้องวงจรปิดพบว่าตนเข้าไปในบ้าน และออกมาคุยโทรศัพท์ ก่อนรีบออกไปเพราะจะไปเคสที่เตรียมงานศพต่อ ที่คุยโทรศัพท์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนายณัฐวุฒิฯ เลย