ปปป.-ป.ป.ท.- ป.ป.ช. ซ้อนแผนบุกรวบเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่ 8 ทุจริตเรียกสินบนบริษัทฯ จำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ 1 แสนบาท แลกงดเก็บภาษีเข้ารัฐ 8 แสนบาท ล่าสุด "สรรพากร" สั่งย้าย-ตั้งกรรมการสอบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 พ.ย. 68 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. ร่วมกับ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพรชพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.พร้อม ด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. นำกำลังจับกุมนายชิตพล อายุ 33 ปี ตำแหน่งนักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่104/2568 ลงวันที่ 25 พ.ย.68 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับผลประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ” โดยจับกุมได้ที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา มีบริษัทประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.ว่า ถูก นายชิตพล นักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 เข้าตรวจสอบภาษีประจำปี และเรียกเก็บค่าภาษีของปี 2566-2567 กับทางบริษัทฯ โดยมีการคำนวณภาษีและค่าปรับเพิ่มเติมกรณีภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ตรงกับ ภ.ง.ด.50 (ภาษีเงินได้รายปี) ที่ บริษัทฯ ต้องจ่ายให้แก่รัฐประมาณ 800,000 บาท
...
ต่อมา นายชิตพล ได้เสนอกับทาง บริษัทฯ ว่า หากไม่ต้องการจ่ายค่าภาษีและค่าปรับจำนวนดังกล่าว ก็ให้หาเงินมาจ่ายใต้โต๊ะกับตน จำนวน 100,000 บาท แล้วจะยุติเรื่องทั้งหมด ทางบริษัทฯ จึงได้ขอต่อรองเหลือ 50,000บาท ก่อนจ่ายเงินงวดแรกให้ไปจำนวน 40,000 บาท หลังจากนั้นทางบริษัทผู้เสียหายเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ ก่อนซ้อนแผนให้บริษัทผู้เสียหายนำเงินที่เหลืออีก 10,000บาท มามอบให้ กระทั่งเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางเงินสดจำนวนดังกล่าว
เบื้องต้นจากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากนั้น กรมสรรพกร ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันปฏิบัติการจับกุม นายชิตพล ฐานมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ เพื่อแลกกับการคำนวณภาษีให้ต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น
กรมสรรพากรขอเรียนให้ทราบถึงการดําเนินการในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. กรมสรรพากรได้มีคําสั่งย้าย นายชิตพล ออกจากตําแหน่งเดิมให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนหรืองานที่มีอํานาจพิจารณาทางภาษี เพื่อไม่ให้มีโอกาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน หรือใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบอีก การย้ายผู้ถูกกล่าวหาออกจากพื้นที่ปฏิบัติงานเดิมเป็นการอํานวยความสะดวกให้แก่สํานักงาน ป.ป.ช., บก.ปปป. และ ป.ป.ท.ในการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดําเนินคดีอาญาได้อย่างเต็มที่และเป็นไปตามกฎหมาย
2. กรมสรรพากรเร่งดําเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนและโปร่งใส เพื่อจะมีการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ กรมสรรพากรขอให้ความมั่นใจแก่สาธารณชนว่า จะดําเนินการในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมารวดเร็ว และเป็นธรรม และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการทุจริตอย่างเต็มที่ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวถือเป็นการกระทําที่ร้ายแรง เป็นการใช้ตําแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และเป็นการทําลายความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการที่มีต่อกรมสรรพากรและระบบภาษีอากรของประเทศ ซึ่งกรมสรรพากรเน้นยํ้าในหลักการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การเรียกรับสินบนถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมและวินัยข้าราชการอย่างร้ายแรง จะต้องมีการดําเนินการทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป