นนทบุรี/ตำรวจไซเบอร์ โชว์ผลงานรวบหนุ่มรัสเซีย แก๊งสแกมเมอร์ หลอกเจ้าของบริษัทผลิตยาสมุนไพรจีน-ไทยชื่อดัง ลงทุนเทรดหุ้นและการลงทุนต่างๆ อีกหลายอย่าง สูญกว่า 11 ล้าน เผยพฤติการณ์เหิมเกริม เดินทางมารับเงินสด 1.5 ล้านจากผู้เสียหายที่บริษัท
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ช่วยราชการ บช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.คำตัน ทำดี รอง ผกก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.สมิทธิกิจ อินทรหอม รอง ผกก.สอบสวน กก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.ศราวุธ ตะดวงดี สว.กก.3 บก.สอท.2 พ.ต.ท.ประสาน รัตนวรรณ์ สว.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเข้าจับกุมนายพาเวล โซวิน (MR.PAVEL SOVIN) อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ และพาสปอร์ตอีก 1 เล่ม
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ บช.สอท. ดำเนินการเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการกวาดล้างปราบปรามกลุ่มขบวนการสแกมเมอร์ การกวาดล้างปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาหลอกลวงคนไทย สร้างความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นวงกว้าง
...
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2568 ผู้เสียหายเป็นหญิงวัย 70 ปี เจ้าของบริษัทผลิตยาสมุนไพรจีน-ไทยชื่อดัง ในพื้นที่ จ.นครปฐม ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ จากคนร้ายแสดงตัวว่าชื่อแพตตี้ จากบริษัท MIROX ได้แนะนำการลงทุนเกี่ยวกับการเล่นเทรดหุ้นและการลงทุนต่างๆ อีกหลายอย่าง โดยแนะนำว่าหากร่วมลงทุนแล้วจะได้รับค่าตอบแทนสูง ทางผู้เสียหายจึงเกิดความสนใจ คนร้ายจึงให้ผู้เสียหายเข้าไปในเว็บไซต์ “mirrox.com/client-area” เพื่อลงทะเบียน โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าร่วมลงทุน ตามบัญชีธนาคารที่คนร้ายระบุมา ก่อนส่งไฟล์สลิปการโอนเงินแนบไปยังแพลตฟอร์มตามลิงก์ของคนร้าย
จากนั้นแพลตฟอร์มก็จะแสดงยอดเงินลงทุนและยอดเงินรายได้สะสมที่จะได้รับซึ่งแสดงยอดเงินที่สูงขึ้นตามเปอร์เซ็นต์ที่คนร้ายแจ้ง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าน่าจะเป็นการลงทุนและจะได้ผลตอบแทนมาจริง ต่อมาไม่สามารถเข้าระบบแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ แต่ยังมีการติดต่อกับคนร้ายทางข้อความแชต โดยคนร้ายยังโน้มน้าวให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก ซึ่งทางผู้เสียหายได้โอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 23 ครั้ง รวม 7 บัญชี รวมยอดกว่า 10 ล้านบาท นอกจากคนร้ายหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแล้ว ทางคนร้ายยังเหิมเกริมเดินทางมารับเงินสดจากผู้เสียหายที่บริษัทอีก เป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท รวมเป็นเงินที่ผู้เสียหายถูกหลอกไปทั้งหมด จำนวน 11,664,525 บาท
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวต่อว่า เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่คนร้ายยังมีการติดต่อกับผู้เสียหายทางข้อความแชตและโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง โดยคนร้ายยังย่ามใจพยายามหลอกลวงให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มอีก ทางชุดสืบสวนจึงวางแผนจับกุม โดยซ้อนแผนให้ผู้เสียหายแจ้งทางคนร้ายว่ายังอยากลงทุนเพิ่มอีก 1 ล้านบาท แต่ไม่มีเงินในบัญชี ให้มารับเป็นเงินสด โดยนัดหมายให้คนร้ายมารับที่บริษัทฯของผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครปฐม ต่อมาแจ้งว่าไม่สะดวกมารับเงินคล้ายไหวตัวทัน
ทางชุดสืบสวนจึงเร่งสืบสวนจนทราบข้อมูลคนร้ายรายนี้ คือ นายพาเวล โซวิน ซึ่งเป็นเป็นตัวการรายสำคัญ ทำหน้าที่รับเงินจากเหยื่อ พักอาศัยอยู่ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายค้น ที่ 136/2568 ค้นห้องพักเลขที่ 607 คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขุมวิท 42 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เข้าจับกุมตัวนายพาเวล โซวิน ไว้ได้พร้อมของกลางทั้งหมด เบื้องต้นจากสอบสวนยังให้การปฏิเสธ โดยทางชุดสืบสวนเตรียมขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์กลุ่มนี้แล้ว
...
โดยตำรวจแจ้งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา, ร่วมกันเป็นซ่องโจร และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
...