พล.ต.ท.ไตรรงค์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงทุกประเด็น หลังถูกพาดพิงปมคดีเว็บพนัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำทำงานตามกฎหมาย ยัน ผบ.ตร. สั่งสอบซื้อขายตำแหน่ง มีหลักฐานดำเนินคดีทันที
วันที่ 19 พ.ย. 68 พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวชี้แจงอย่างละเอียด หลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้ข้อมูลพาดพิงการทำหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งเรื่องการปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ การทำคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และประเด็นกล่าวหาการซื้อขายตำแหน่งในตำรวจภูธรภาค 8
พลตำรวจโท ไตรรงค์ ระบุว่า การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือสแกมเมอร์ เป็นวาระแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดยกระดับการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีความร่วมมือระหว่างรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน ผ่านศูนย์วอร์รูมเพื่อประสานข้อมูล สกัดความเสียหาย และเร่งติดตามเส้นทางการเงิน
โดยประเทศไทยได้ทำ Action Plan ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา เพื่อร่วมปฏิบัติการปราบปรามฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศ และได้ส่งข้อมูล เอกสารอย่างเป็นทางการไปยังตำรวจประเทศกัมพูชาตามข้อตกลงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำตอบว่าจะดำเนินการตามที่ตกลงกันหรือไม่ โดยสถิติความเสียหายของเหยื่อถูกหลอกลดลงมาก จำนวนเงินที่สามารถอายัดคืนได้เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมความเสียหายเฉลี่ยวันละกว่า 70 ล้านบาท ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงาน โดยกรมประชาสัมพันธ์นำร่องเผยแพร่ข้อมูลการหลอกลวงรูปแบบใหม่ ผ่านหอกระจายข่าวทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลเฉลี่ยกว่า 500,000 รายต่อวัน จากเดิมที่ตำรวจเผยแพร่เพียงหน่วยงานเดียวมียอดเข้าถึงเพียงหลักหมื่น
...
นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดทำสื่อการสอนความปลอดภัยดิจิทัลร่วมกับบริษัท Meta (Facebook) เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้ด้วยตนเอง เหมือนการให้ความรู้ช่วงโควิด-19 ทั้งออนไลน์และออนกราวด์โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน
อีกทั้งยังอธิบายว่า อาชญากรรมออนไลน์มี 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. แก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ ที่ตั้งฐานในต่างประเทศ ซึ่งแพลตฟอร์มทั่วโลกให้ความร่วมมือปิดกั้นได้ถึง 90% 2. เว็บพนันออนไลน์ - บุหรี่ไฟฟ้า - ของผิดกฎหมาย ซึ่งบางประเทศเปิดให้ตั้งเว็บได้ ทำให้การปิดกั้นต้องผ่านกระบวนการศาลไทย ใช้เวลาและทำได้จำกัด
ซึ่งปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอปิดกั้น กว่า 70,000 URL และจับกุมคดีพนันออนไลน์กว่า 800–1,000 คดี แต่ย้ำว่าคดีพนันมีความซับซ้อน ต้องใช้ข้อมูล–พยานหลักฐานจำนวนมากก่อนขอหมายเรียกหรือหมายจับ
สำหรับในคดีสแกมเมอร์ ยังไม่พบข้อมูลการเกี่ยวข้องของนักการเมืองไทย แต่ฝั่งกัมพูชามีบุคคลที่ถูกออกหมายจับแล้ว ได้แก่ นายก๊กอาน และ นายลียงพัด ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ระบุเชื่อมโยงถึงนักการเมืองคนหนึ่งนั้น พลตำรวจโท ไตรรงค์ ระบุว่า เว็บจำนวน 21 เว็บ ที่ถูกกล่าวถึงเป็น โดเมนต่างชื่อกัน ไม่ใช่เว็บเดียว และการสอบสวนต้องอาศัยพยานหลักฐานยืนยัน ส่วนคดีเว็บพนันมีการจับกุมแล้วหลายราย การกล่าวหาว่า ผู้กำกับทุกสถานีตำรวจ ใช้บัญชีม้า เป็นข้อกล่าวอ้างที่ร้ายแรง หากมีพยานหลักฐานว่ามีใครใช้บัญชีม้าจริง ต้องถูกดำเนินคดีอาญาทันที เพราะบัญชีม้าเป็นเครื่องมือสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันในการฟอกเงิน จึงขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลกับสังคม
เมื่อถูกถามว่าการออกหมายจับ อดีตรอง ผบ.ตร. เป็นการใช้ข้อความเท็จต่อศาล พลตำรวจโท ยืนยันว่า เรื่องนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเรื่องของการขอออกหมายจับและหมายค้น และในที่สุดเรื่องนี้ คดีได้ผ่านการพิจารณาของศาลแล้ว โดยศาลได้ยกคำร้อง และอีกศาลก็ได้ยืนยันว่าไม่ได้มีการใช้ข้อความหลอกลวงศาล และได้มีคำสั่งในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ย้ำว่าไม่เคยหลอกลวงหรือปิดบังศาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้ตอบโต้กันเหมือนเป็นการโต้ปิงปองนั้น พลตำรวจโท ยืนยันว่า ย้ำว่าไม่ได้เป็นความขัดแย้งภายในตำรวจ แต่เป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ vs. กลุ่มผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินเว็บพนัน” ส่วนผู้ต้องหาจะมีความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจับกุมหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ผู้ต้องหามีสิทธิ์ให้การเพื่อปกป้องตัวเอง แต่การออกมาพูดในพื้นที่สาธารณะซ้ำ ๆ ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดได้ เสมือนอยู่ในสงครามข่าวสาร หรือ information warfare จึงอยากขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสาร
ส่วนที่คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคง สภาผู้แทนราษฎร มีการเชิญ ผบ.ตร. เข้าชี้แจง แต่กระบวนการที่มีผู้ต้องหาและพยานในคดีร่วมซักถามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมมีการถ่ายทอดสด กังวลอาจกระทบกระบวนการยุติธรรม ทำให้พยานหวาดกลัวหรือข้อมูลคดีถูกเปิดเผยก่อนสู่ศาล จึงต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะเข้าไปชี้แจงต่อ กมธ.ในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้
ส่วนคดีของนักการเมืองที่ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ 30 ล้านบาท พลตำรวจโท ไตรรงค์ ระบุว่า สำนักงาน ปปง. ได้ยึดทรัพย์เบื้องต้นกว่า 30 ล้านบาท พร้อมตั้งเจ้าหน้าที่สืบทรัพย์เพิ่มเติม การยึดทรัพย์ตามพ.ร.บ.มาตรการคดีฟอกเงิน ซึ่งจะมีการขยายผลต่อ พร้อมฝากไปถึงผู้ที่กล่าวอ้างว่านักการเมืองรายนี้ มีทรัพย์สินมากกว่า 30 ล้านตามที่ถูกยึดได้นั้น เป็นเพียงถ้อยคำกล่าวอ้างแต่ยังไม่มีพยานหลักฐาน ซึ่งการนำเสนอข้อมูลเช่นนี้ มองว่าจะเป็นการไปกล่าวโทษต่อหน่วยงานราชการที่เป็นผู้ทำหน้าที่ในคดี
...
ส่วนการที่อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหาว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมนั้น พลตำรวจโท ไตรรงค์ ย้ำว่า การกล่าวเช่นนี้อาจถูกใช้ขยายผลในเวทีระหว่างประเทศได้ โดยเฉพาะในขณะนี้ที่ไทยกำลังกดดันประเทศที่เป็นฐานสแกมเมอร์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยปีละหลายล้านดอลลาร์ จึงขอให้อดีตข้าราชการตำรวจที่ออกมากล่าวพิจารณาความเหมาะสมของคำพูด รองจเรตำรวจฯ กล่าวว่า หากไม่ออกมาชี้แจง ประชาชนอาจเข้าใจจากข้อมูลด้านเดียว จึงต้องนำข้อเท็จจริงในสำนวน พยานหลักฐานมาเปิดเผยอย่างเหมาะสม โดยไม่มีเจตนาตอบโต้ส่วนตัว
ส่วนกรณีซื้อขายตำแหน่งตำรวจภูธรภาค 8 นั้น รองจเรตำรวจฯ เปิดเผยว่า ผบ.ตร. ได้สั่งตรวจสอบข้อร้องเรียนซื้อขายตำแหน่งอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นใคร พี่เพื่อนน้อง หากมีหลักฐานจะดำเนินคดีทันที เพราะระบบตรวจสอบในปัจจุบันเข้มแข็งขึ้นมาก เพราะ พ.ร.บ.ตำรวจปี 2565 กำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจน และมีคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมทำหน้าที่คล้ายศาลปกครอง หากแต่งตั้งไม่โปร่งใส ก็ถูกลงโทษได้
พลตำรวจโท ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดหลักกฎหมายเดียวกันกับทุกคน ไม่มีสองมาตรฐาน พร้อมให้ตรวจสอบทุกข้อกล่าวหา แต่การนำข้อมูลด้านเดียวมาขยายผล อาจสร้างมายาคติและบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณะ
สำหรับการเข้าชี้แจง กมธ.ความมั่นคงวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ จะพิจารณารูปแบบให้เหมาะสม โดยอยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อมีมติมอบหมายให้ผู้แทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปตอบข้อซักถาม ก่อนตัดสินใจไปชี้แจงในที่ประชุมอีกครั้ง ย้ำว่า “ไม่ได้จะไม่เข้าไป แต่อยู่ระหว่างการพิจารณา”