ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียก 8 ตัวการสำคัญ คดีฮั้ว สว. รับทราบข้อหาฟอกเงินภายในสัปดาห์นี้ พบเป็นกลุ่มบุคคลทางภาคใต้และเครือข่าย
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณี การสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. นานกว่า 8 เดือน นับแต่วันที่ 6 มี.ค.
ความคืบหน้าวันที่ 18 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า หลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทยอยสอบสวนปากคำพยานกว่า 1,200 ราย ซึ่งก็มีส่วนน้อยที่ให้ความร่วมมือให้ปากคำ ให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ พร้อมสารภาพ และให้การซักทอด แต่โดยส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนไม่เพียงแต่ยึดในคำให้การของพยานเท่านั้น แต่ต้องสอบสวนพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานเรื่องเส้นทางการเงินที่เป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์ ซึ่งค่อนข้างมีความสลับซับซ้อน รวมถึงตรวจสอบพฤติกรรมสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างบุคคล โดยเฉพาะเหตุการณ์ช่วงก่อนมีการเลือก สว. ระหว่างการจัดการเลือก สว. และภายหลังการได้รับเลือกให้เป็น สว. กระทั่งพบว่ามีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินชัดเจน และคำให้การซักทอดของพยานรายอื่นที่บ่งบอกว่ามี กลุ่มคณะบุคคลทางภาคใต้และเครือข่าย จำนวน 8 ราย มีพฤติการณ์กระทำความผิดฟอกเงิน ซึ่งทั้ง 8 ราย ค่อนข้างเป็นตัวการหลักสำคัญ บางรายเป็นผู้สมัคร สว.บางรายเป็น สว.ตัวจริง โดยพนักงานสอบสวนนัดหมายให้ทั้งหมดทยอยเข้ารับทราบข้อหาฟอกเงินภายในสัปดาห์นี้ และสามารถให้การชี้แจงภายในวันดังกล่าว หรือแจ้งขอส่งเอกสารชี้แจ้งแก้ข้อกล่าวหาในวันอื่นก็ได้
...
มีรายงานเพิ่มเติมถึงกรณีมีพยานใน จ.ขอนแก่น ได้ทำบันทึกคำให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือ เพื่อกลับคำให้การถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า เป็นพยานที่เคยมาให้การต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่ามีการฮั้วการเลือกตั้ง สว. โดยมีบุคคลดังกล่าวและบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง รวมทั้งให้การถึงสถานที่ที่เกี่ยวข้อง กล่าวหาว่าได้สนับสนุนให้บุคคลต่าง ๆ ได้เป็น สว. โดยมีการจัดทำโพยฮั้วเลือกตั้ง สว. เพื่อให้การเลือกตั้ง สว. เป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม
โดยบุคคลดังกล่าวขอให้การเพิ่มเติมอ้างว่าคำให้การที่เคยให้ก่อนหน้านี้ เป็นการให้ถ้อยคำที่เกิดจากการข่มขู่ ตามขั้นตอนของดีเอสไอก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน โดยจะไปนำเอาบันทึกถ้อยคำให้การครั้งแรกของพยานรายดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับหนังสือร้องเรียนขอกลับคำให้การ ว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดปกติอย่างไรบ้าง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่พยานและต่อพนักงานสอบสวนผู้ทำหน้าที่สอบปากคำ