เกิดปรากฏการณ์ ตำรวจทั่วประเทศขึงขัง พร้อมใจกันท่องคำปฏิญาณตนใหม่ “พวกเราเป็นตำรวจของประชาชน พวกเราไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม” หลังถูก “บิ๊กโจ๊ก” อดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. พาดพิงกรณีมีตำรวจมากกว่า 200 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับเงินส่วยแก๊งสแกมเมอร์และเว็บพนันออนไลน์ ลั่น “ถ้าไม่เรียกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็ต้องเรียก สมาคมอาชญากรรมข้ามชาติ รึเปล่า”
จากกรณี บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน มองว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหลายร้อยนาย ซึ่งต่อมา 4 สมาคมตำรวจ ประกอบด้วย 1.สมาคมตำรวจ, 2.สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ 3.ชมรมพนักงานสอบสวน และ4.ชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ นำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เรียกร้องให้ดำเนินการทางวินัยและอาญา กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล โดยย้ำว่าเป็นการทำลายชื่อเสียง รวมทั้งทำลายความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อองค์กรตำรวจ เนื่องจากองค์กรตำรวจก่อตั้งมานานเป็น 100 ปี จึงต้องการกอบกู้ศรัทธา
ขณะที่ บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเจ็บปวด ถูกพายุโหม-คนนอกโจมตี “องค์กรตำรวจ” เป็นศูนย์รวมอาชญากรรมขนาดใหญ่ ตีตราตำรวจทั้งประเทศ บอกเป็นเรื่องรุนแรง แต่ขอก้มหน้าทำงาน
“ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราถูกพายุโหมกระหน่ำ โจมตีเรื่องภาพลักษณ์ที่ถูกกล่าวหาจากบุคคลภายนอก ผมขอย้ำว่าจากบุคคลภายนอกที่กล่าวหาว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ขีดเส้นใต้ครับ เป็นองค์กร นั่นหมายความว่าเป็นการกล่าวหาตำรวจทั้งประเทศ และเป็นการกล่าวหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่รุนแรงมาก รู้สึกอย่างไรครับ เจ็บปวดครับ ผมอดทน ตั้งสติ และทำงานมาจากการถูกโจมตีมาโดยตลอด แต่การกล่าวหาอย่างรุนแรงเช่นนี้ ผมเชื่อว่าตำรวจทั้งประเทศรับไม่ได้ จะกล่าวหากันอย่างไรก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้คำมั่นสัญญากับท่านนายกรัฐมนตรี ว่าจะมุ่งมั่นทำงาน ก้มหน้าก้มตา และจะปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจนี้ให้บังเกิดผลตามนโยบายของรัฐบาล และความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน” ผบ.ตร. กล่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก งานจราจร สน.มีนบุรี กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก หลังโพสต์รูปภาพบรรยากาศยืนเข้าแถวปฏิญาณตน หน้าโรงพัก พร้อมระบุข้อความว่า #ข้าพเจ้าเป็นตำรวจของประชาชนไม่ใช่ตำรวจอาชญากรรม
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน มีชาวโซเชียลเข้ามาวิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เช่น ท่องนกแก้วนกขุนทองแน่จริงทำให้ได้ตามที่ท่อง, ผิดถูก ดีชั่ว พวกท่านรู้อยู่แก่ใจพวกท่านเองครับ การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด มันก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ อันนี้ปลายเหตุครับ ทำตามอุดมคติตำรวจ ให้ได้ ดีแน่นอน ไม่ต้องคิดใหม่
...
ขณะที่แอดมินเพจ ได้ออกมาโต้ตอบข้อความของลูกเพจ เช่น ขอบคุณครับ พูดจาไม่น่ารักเลย และ สำเนียงส่อภาษา…
เช่นเดียวกับเพจ สถานีตำรวจนครบาลหลักสอง ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า “พวกเราเป็นตำรวจของประชาชน ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม”
สถานีตำรวจนครบาลหลักสอง นำโดย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.หลักสอง เป็นตำรวจของประชาชน มุ่งมั่นทำงานเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
ขณะที่เพจ สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ก็โพสต์รูปภาพบรรยากาศยืนเข้าแถวปฏิญาณตน หน้าโรงพัก นำโดย พ.ต.อ.วัชรพงษ์ สิทธิรุ่งโรจน์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก นำข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ กล่าวอุดมคติตำรวจ และกล่าวปฏิญาณตนเป็นข้าราชการตำรวจที่ดี
“พวกเราจะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม เพราะจะมุ่งมั่นปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท เพื่อความผาสุขของประชาชน”
...
อย่างไรก็ตาม คำปฏิญาณดังกล่าว ไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แต่คาดว่าน่าจะทั่วประเทศ เพราะมีหลายโรงพัก กล่าวพร้อมกันในช่วงเช้า บางโรงพักกล่าว “พวกเราเป็นตำรวจของประชาชน พวกเราไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม” ซ้ำ ๆ กันถึง 3 ครั้ง คล้ายกับต้องการให้ตำรวจแต่ละนายท่องจำให้ขึ้นใจ แต่กลับยังไม่ปรากฏว่าเป็นนโยบายของใครสั่งการให้ตำรวจทุกโรงพักยึดถือและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด.
...