"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เตรียมแถลงผลปราบ "สแกมเมอร์" ครั้งใหญ่ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการเดินหน้าเชิงรุกปราบปรามสแกมเมอร์ทุกรูปแบบอย่างเต็มกำลัง
วันที่ 9 พ.ย. 2568 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมแถลงผลปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย. 2568 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งจะมีการรวบรวมผลการดำเนินการจากทุกหน่วยทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการเดินหน้าเชิงรุกปราบปรามสแกมเมอร์ทุกรูปแบบอย่างเต็มกำลัง ตามนโยบายรัฐบาลที่ประกาศสงครามไซเบอร์สแกม ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกประเภท โดยยกเป็นวาระแห่งชาติ
...
พร้อมกันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าปฏิบัติการ MONEY CASH BACK อย่างต่อเนื่อง สามารถหยุดยั้งการโอนเงิน ติดตามเงินของผู้เสียหายคืนได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่าง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ ศูนย์ PCT และศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) หรือ WARROOM IAC และสถาบันการเงิน โดยล่าสุด สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 สามารถนำเงินคืนผู้เสียหายได้รวมกว่า 1.2 ล้านบาท
คดีที่ 1 สภ.ศรีราชา อายัดเงินได้ 300,320 บาท ขณะบัญชีม้ากำลังถอนเงิน โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2568 ตำรวจ สภ.ศรีราชา ได้รับการประสานจาก WARROOM IAC และทีมสืบสวนทุจริตด้านดิจิทัล ฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง ว่าพบความเคลื่อนไหวผู้ต้องสงสัยภายในธนาคาร ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจสอบ พบนายอำนาจฯ กำลังรอถอนเงินสด 300,320 บาท จึงเข้าควบคุมตัว
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอำนาจยอมรับว่า ได้รับว่าจ้างให้ถอนเงินโดยแลกค่าจ้างเพียง 4,000 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดคุมตัว นางธัญญพัทธ์ ทำหน้าที่ควบคุมการถอนเงิน จากการสอบสวนสารภาพว่าได้รับว่าจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Telegram ให้ดูแลการถอนเงิน เมื่อตรวจสอบที่มาของเงิน พบมีผู้เสียหายรายหนึ่งอยู่ในพื้นที่ สน.ท่าข้าม กรุงเทพมหานคร ถูกหลอกลงทุน โอนเงินให้แก๊งมิจฉาชีพผ่านบัญชีของนายอำนาจ 301,141 บาท จึงให้เข้าร้องทุกข์ เพื่อดำเนินการคืนเงินตามโครงการ MONEY CASH BACK
อีกคดี ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมเครือข่ายคอกม้า 12 ราย ยึดเงินสดกว่า 927,000 บาท โดย ศปอส.ตร. สืบสวนเส้นทางการเงินและติดตามผู้ต้องสงสัยในเครือข่ายบัญชีม้า ก่อนเข้าตรวจสอบที่ธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา พบกลุ่มบุคคล 12 ราย พฤติการณ์ตรงกับข้อมูลเครือข่ายบัญชีม้า จึงเข้าควบคุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลางเงินสด 927,000 บาท ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การว่าเห็นโฆษณาชักชวน “รับเช่าบัญชี รายได้สูง” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เช่น “หารายได้เสริมง่ายๆ” และ “ไม่ง้อเงินเดือน” อ้างว่าถูกแอดมินในไลน์หลอกให้ส่งเอกสารส่วนตัว และบัญชีธนาคารเพื่อเช่าบัญชี โดยได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 5,000 บาท เมื่อถึงวันถอนเงิน แอดมินจะสั่งการผ่านโทรศัพท์ตลอดเวลา และมีผู้คุมบัญชีคอยติดตามดูแลในพื้นที่ เมื่อถอนเงินเสร็จจะนำเงินทั้งหมดส่งต่อให้ผู้รวบรวมเงินตามคำสั่ง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและธนาคารเอกชน เพื่อหยุดยั้งเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ผบ.ตร.ชมเชยชุดสืบสวน สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และตำรวจภูธรภาค 1 ที่สามารถดำเนินการเชิงรุก รวดเร็ว เฉียบขาด จนนำไปสู่การยึดเงินคืน และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งเครือข่าย และขอเตือนผู้หลงผิดให้เช่าบัญชี รับจ้างกดเงินแลกกับรายได้ไม่กี่บาท ทั้งที่รู้ว่าเป็นขบวนการอาชญากรรมที่ตำรวจมุ่งมั่นปราบปรามเด็ดขาด จริงจัง ต้องถูกดำเนินคดี รับโทษหนักทั้งจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเท เสียสละ เพื่อคุ้มครองประชาชนจากภัยอาชญากรรมออนไลน์ และขอให้ประชาชนร่วมกันเฝ้าระวัง หากพบพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1441 หรือ ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.