ผบช.ก.แถลง ตำรวจ ปอศ.ร่วมกระทรวงการคลัง เปิดปฏิบัติการปิดเกม “รับ-แลก-ลวง” สกัดขบวนการโกงสิทธิของรัฐ โฆษณาชักชวนให้คนเอาสิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” มาแลกเงินสด รีบสกัดแผนก่อนระบาดหนัก


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 ต.ค. 68 ที่ ห้องแถลงข่าวชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ภาคิน สุขพรหม รอง ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต, พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด และ พ.ต.ต.บัญชา ช่วยรอดหมด สว.กก.5 บก.ปอศ.พร้อมด้วย นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมกันแถลงผลเปิดปฏิบัติการปิดเกม “รับ–แลก–ลวง” สกัดขบวนการโกงสิทธิของรัฐ

จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.วันทนีย์ อายุ 24 ปี, น.ส.ทิพย์เทวี อายุ 31 ปี และ น.ส.นาตาชา อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ ของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แก่ประชาชน” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอีก 1 เครื่อง จับได้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ, จ.อุดรธานี และ จ.นครสวรรค์

...

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า จากโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ ลดรายจ่ายและภาระค่าครองชีพของประชาชน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าและการให้บริการผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งถือเป็นการยกระดับการค้าและบริการในยุคดิจิทัลอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ที่ฉวยโอกาสกระทำการทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นช่องทางในการโฆษณาเชิญชวนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการให้นำวงเงินตามสิทธิมาแลกรับเงินสดโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของโครงการฯ บิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการหมุนเวียนเงินในระบบฐานราก

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากนั้น ตำรวจบก.ปอศ.ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เฝ้าระวังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ พบว่า มีบุคคลโพสต์ข้อความสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปมาแลกรับเงินแทนการใช้สิทธิจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการตามมูลค่าจริง ถือเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย รวมถึงขัดต่อหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ บิดเบือนข้อเท็จจริง วัตถุประสงค์ และเงื่อนไขของโครงการฯ แสดงให้เห็นถึงเจตนาทุจริต และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนทั่วไปว่าสามารถนำวงเงินที่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ มาแลกรับเป็นเงินสดกับร้านค้าโดยไม่จำเป็นต้องมีการใช้จ่าย หรือซื้อสินค้าจริง ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อความอันเป็นเท็จทั้งสิ้น ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ ในภาพรวม ตลอดจนไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ

พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊ก โฆษณาเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิตามโครงการฯ เข้าร่วมแลกวงเงินตามสิทธิ เป็นเงินสดแทนการใช้จ่ายจริง โดยมีการหักส่วนต่างและแบ่งผลประโยชน์ จนนำไปสู่การตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ในการติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่มีการลงทะเบียนร้านค้าหรือใช้ในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่มาใช้บริการ แลกเงินทางช่องทางต่าง ๆ ตลอดจนเอกสารสำคัญอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกหลายรายการ

สอบสวน น.ส.วันทนีย์ รับสารภาพว่าเนื่องจากเห็นข้อมูลจากสื่อโซเชียลเลยต้องการหารายได้พิเศษคิดค่าส่วนต่าง 10-20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ต้องหารายอื่นให้การปฏิเสธ นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายวินิจ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งพลัส ของรัฐบาล มีผู้เข้าลงชื่อใช้สิทธิ 20 ล้านคน วันนี้เปิดให้ประชาชนใช้สิทธิเป็นวันแรก ตั้งแต่ 6 โมงเช้า พบเวลา 09.00 น. ถึง 11.00 น. มีผู้ใช้สิทธิแล้วเป็นเงินถึง 340 ล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตมาตลอด จนพบการกระทำผิดดังกล่าว

...

ทั้งนี้กระทรวงการคลังกับตำรวจจะสุ่มตรวจร้านค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น บางร้านค้า มียอดการใช้สิทธิในช่วงตี 3 จะต้องมาดูว่ามีการใช้จ่ายจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตของผู้ประกอบการและผู้ใช้สิทธิ ถ้าตรวจพบจะมีความผิดในเรื่องฉ้อโกง ถึงแม้จะเป็นเงินน้อยนิด แต่เรื่องนี้ไม่สามารถยอมความได้ ผู้ที่กระทำการทุจริตต้องถูกดำเนินคดีทุกราย

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวฝากเตือนภัยถึงประชาชนว่า เนื่องจาก “โครงการคนละครึ่งพลัส” มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าและให้บริการ

โปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนให้แลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสด เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากมีการแลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสดเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันฉ้อโกงทั้งผู้แลกและผู้รับแลก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตลอดจนถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล รวมถึงต้องคืนเงินให้แก่รัฐบาลอีกด้วย

...

 ดังนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อหรือผู้ร่วมกระทำผิดเพียงเพราะความโลภในเงินส่วนต่างเพียงเล็กน้อย และโปรดใช้สิทธิตามเงื่อนไขและวัตถุประสงค์ของรัฐบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทาง บช.ก.จะร่วมกับกระทรวงการคลังเฝ้าระวังผู้ที่กระทำความผิดอย่างเข้มงวดต่อไป