ครอบครัว "น้องโยโกะ" พริตตี้สาวเสียชีวิตปริศนา ร้องกองปราบ ขอรับโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบ เผยเหตุผล เชื่อเต็มอก อดีตแฟนหนุ่มอาจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 68 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.กมลพัฒน์ สหัสธัชพงศ์ อายุ 53 ปี พร้อมด้วย น.ส.บุศยรินทร์ สหัสธัชพงศ์ อายุ 19 ปี แม่และน้องสาวของ น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ หรือ โยโกะ พริตตี้สาว ที่เสียชีวิตอย่างปริศนา เมื่อปลายปี 2566 เดินทางเข้ายื่นร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ ให้ช่วยรับโอนสำนวนคดีดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบ เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจท้องที่ เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม
น.ส.กมลพัฒน์ ผู้เป็นแม่กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับหนังสือจากอัยการ แจ้งมาว่า อัยการมีความเห็นส่งสำนวนคดีกลับมายังพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม เหตุเพราะเชื่อว่าการตายของน้องโยโกะ มีบางอย่างผิดปกติ และอาจมีผู้กระทำผิดอาญา จนทำให้ถึงแก่ความตาย ประกอบกับตนและครอบครัว ไม่ค่อยเชื่อมั่นในการทำงานของพนักงานสอบสวน เพราะเคยถูกแอบอ้างลงบันทึกประจำวันว่า ตนไม่ติดใจสาเหตุการตายของลูกสาว ยืนยันว่า “ไม่เคยพูด” เพราะที่ผ่านมาพยายามเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงสาเหตุการตายมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าลูกสาวไม่ได้ฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุนี้จึงอยากให้โอนย้ายสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนกองปราบแทน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และอยากให้มีการดำเนินคดีเอาผิดกับตำรวจ สน.คลองตัน ในความผิดฐาน “ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ด้วย
นอกจากนี้ น.ส.กมลพัฒน์ ยังบอกด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าอดีตแฟนหนุ่มของลูกสาว อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะก่อนลูกสาวเสียชีวิต เคยโทรมาปรึกษาว่ามีปัญหากับแฟน จากเรื่องที่จับได้ว่าแฟนหนุ่มมีลูกเมียอยู่แล้ว จึงพยายามขอเลิก แต่ฝ่ายชายไม่ยอม ซ้ำยังลงมือทำร้ายร่างกายเป็นประจำ ประกอบกับตัวลูกสาวรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจบางอย่างของแฟนหนุ่ม จึงอาจเป็นการฆาตกรรมเพื่อปกปิดไม่ให้ความลับรั่วไหล
...
ขณะที่ น.ส.บุศยรินทร์ ยืนยันว่า ก่อนเสียชีวิต โยโกะ พี่สาว โทรมาปรึกษา ร้องไห้ระบายความรู้สึก หลังถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายทุกครั้งที่มีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำ ทำให้เชื่อว่าการเสียชีวิตของพี่สาว น่าจะมีเบื้องลึกหลายอย่างที่เราไม่รู้ อยากให้ตำรวจกองปราบ ช่วยรับเรื่องดังกล่าวไว้ตรวจสอบพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้แน่ชัด
น.ส.กมลพัฒน์ กล่าวเสริมอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ไปแล้วที่ บก.น.5 และ บช.น. ต้นสังกัด รวมถึงทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอให้โอนย้ายสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบ ทราบเพียงว่าอยู่ระหว่างการพิจารณา วันนี้จึงตัดสินใจมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบอีกทางหนึ่ง