ครั้งแรกในประเทศไทย กล้อง AI ของตำรวจท่องเที่ยว จับภาพผู้ต้องหาบัญชีม้ารายสำคัญ ขณะขี่ จยย. ในพื้นที่พัทยา รวดเดียว 3 คน ก่อนส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังจับกุม
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.ศักดิ์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. (ตำรวจท่องเที่ยว) , พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.บก.ทท.1, พ.ต.ท.ศุภรัตน์ มีปรีชา , พ.ต.ต.อภิชาติ จารุรักษ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 และ ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็น ของวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา กล้องเอไอ "AI Detect" ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งติดตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถจับภาพ กลุ่มชายไทย 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์อัดซ้อนกันมา โดยกล้องเอไอ สามารถประมวลผลได้ทันทีว่าทั้ง 3 คน มีหมายจับ เกี่ยวกับ “บัญชีม้า” ก่อนส่งสัญญาณแจ้งเตือนตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมระดมกำลังออกไล่ล่าติดตามทันที
ต่อมาตำรวจสามารถติดตามจับกุมทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณใต้สะพานต่างระดับท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีฟ้า ไปตามทางถนน ทราบชื่อต่อมาคือ นายศุภวิชญ์ สายสุด อายุ 20 ปี , นายวายุ สะแหละ อายุ 21 ปี และ นายภานุวัฒน์ หอมฝาง อายุ 20 ปี ทั้งหมดมีหมายจับศาลอาญา ของ สน.บางซื่อ ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงหรือสนับสนุนการฉ้อโกง, โดยทุจริตนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจควบคุมตัวไปทำการสอบสวน
...
จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งหมดให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยยอมรับสารภาพว่าได้เปิดบัญชีธนาคารให้กับกลุ่มนายหน้า ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนหลายบัญชี ในราคาบัญชีละ 2,000 บาท ซึ่งไม่รู้ว่ากลุ่มนายหน้านำบัญชีไปใช้กระทำผิดในด้านใด ยอมรับว่าในช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงยอมตกลงเปิดบัญชีให้ ก่อนจะเดินทางมาหางานทำในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว
นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวน ตำรวจยังพบว่าทั้ง 3 คน เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลต้องการได้ตัว เนื่องจากเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มบัญชีม้ารายใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์-แสกมเมอร์ เบื้องต้นจึงได้ลงบันทึกจับกุม ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ มารับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.ท.ศุภรัตน์ มีปรีชา พ.ต.ต.อภิชาติ จารุรักษ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ร่วมกันเปิดเผยว่า การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้รับความสนใจจากผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างมาก และถือเป็นคดีที่น่าสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่กล้องเอไอของตำรวจท่องเที่ยว สามารถโชว์ประสิทธิภาพของตัวกล้อง ในการจับภาพบุคคลตามหมายจับ ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ ในครั้งเดียวได้ถึง 3 คน แถมยังเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนรายสำคัญ (บัญชีม้า) ซึ่งหลังจากที่กล้องส่งสัญญาณเตือนตำรวจท่องเที่ยว จึงกระจายกำลังติดตามจับกุมได้ดังกล่าว
นอกจากนี้ ตำรวจท่องเที่ยวได้เสริมศักยภาพ การทำงาน โดยได้นำโดรน เข้ามาประจำการ ซึ่งเป็นโดรนที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะคอยประจำการตลอด 24 ชม. หากกล้องเอไอ ส่งสัญญาณแจ้งเตือน โดรนจะขึ้นออกจากฐานปฏิบัติการทันที เพื่อติดตามบุคคลตามที่กล้องเอไอมีการแจ้งเตือน อีกทั้งโดรนยังสามารถใช้ในเรื่องของงานกู้ภัย ค้นหานักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุในทะเลได้อีกด้วย