จ่าทหารบก ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นกว่า 10 คน รุมทำร้ายปางตาย รับกังวลเรื่องความปลอดภัย วอนอยากให้ ตร.เร่งจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ ด้านแม่ ร้องไห้ทำใจไม่ได้เมื่อเห็นบาดแผลลูกชาย เผย หัวโจก ชื่อ “บอย” เข้าออกคุกเป็นประจำ อ้างรู้จัก น.1

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด ถ.วัดเกาะ เขตสายไหม นางพรทิพย์ เป็นระยะ อายุ 64 ปี พา จ.ส.อ.ภูมินทร์ เป็นระยะ อายุ 46 ปี ลูกชายเป็นทหารบกค่ายลพบุรี ประจำชายแดนทางภาคใต้ สภาพหน้าตาบวมช้ำ แขนขวาหักเข้าเฝือก เข้าร้องเรียนนายเอกภพ เรืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้ง เพจสายไหมต้องรอด หลังจากถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติด ประมาณ 10 คนเข้ามาหาเรื่องก่อนจะรุมทำร้ายจน จ.ส.อ.ภูมินทร์ รับบาดเจ็บสาหัส แขนหัก เหตุเกิดที่บริเวณชุมชนวิศวะร่วมใจ (รถไฟมักกะสัน) ถนนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. จากนั้นเดินทางไปแจ้งความกับว่าที่ พ.ต.ท.ตรีเพชร สมน้อย สว.(สอบสวน) สน.พญาไท แต่คดีไม่คืบหน้า

จ.ส.อ.ภูมินทร์ กล่าวว่า ตนเพิ่งกลับจากชายแดนภาคใต้ เพื่อมาเยี่ยมแม่ที่ถูกรถชนช่วงบ่ายวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนกำลังจะขี่รถจยย.ไปรับแฟนสาวที่ห้างสยามพารากอน พอออกมาที่ปากซอยหมู่บ้านก็เจอกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 20-35 ปี ยืนขวางทางอยู่ประมาณ 10 คน ก่อนจะมีหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นพยายามเข้ามาเหมือนจะทำร้ายโดยการต่อย ตนเองลงจากรถเพื่อมาตำหนิ เพราะไม่รู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นแต่ทำไมถึงมาทำพฤติกรรมแบบนี้ พอตำหนิไปแบบนั้นทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจ เข้ามารุมทำร้ายทั้งเตะทั้งต่อย รวมถึงใช้ไม้ตีทำร้าย วิ่งหนีเข้าไปในหมู่บ้าน กลุ่มวัยรุ่นวิ่งไล่ตามทำร้ายอีกจนบาดเจ็บสาหัส แขนข้างขวาหัก ขาเป็นแผลต้องล้างหนองทุกวัน ศีรษะได้รับแรงกระทบกระเทือนทำให้ตอนนี้พูดช้า ใบหน้าบวมช้ำ

จ.ส.อ.ภูมินทร์ กล่าวยืนยันอีกว่า ตนไม่รู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ เพราะตนรับราชการทหารตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน หลังจากตนออกจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า เข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท แต่สิ่งที่ตนติดใจคือทำไมจะต้องรอผลตรวจจากนิติเวชที่ส่งตนไปตรวจร่างกาย ทั้งที่บาดแผลตามร่างกายของตนชัดเจนอยู่แล้ว และพอไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ กลุ่มวัยรุ่นได้มีการโพสต์ Facebook ข่มขู่คนในครอบครัว และอีกหนึ่งอย่างที่ติดใจคือทำไมหลักฐาน และคำให้การที่ตนมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงตกไปอยู่ในมือกลุ่มวัยรุ่นได้

...




นางพรทิพย์ เป็นระยะ อายุ 64 ปี แม่ของ จ.ส.อ.ภูมินทร์ เปิดเผยว่า กลุ่มวัยรุ่นเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านได้ประมาณ 2-3 ปี กว้านซื้อที่บริเวณหน้าชุมชนเอาไว้รวมตัวกัน ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ตนเคยได้ยินมาว่าถ้าหากกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่พอใจใคร หรือมีเรื่องกับใครจะเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงในบ้าน แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครเอาเรื่อง เพราะมักจะจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้เป็นคดีความ ทำให้คนในชุมชนกลัว และไม่กล้ายุ่งกับวัยรุ่นกลุ่มนี้ รวมถึงวัยรุ่นกลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรมใช้สารเสพติด ปล่อยเงินกู้ ทำตัวกร่างอยู่ภายในชุมชน

ส่วนหัวโจกของกลุ่มนี้ทราบชื่อว่า “บอย” เป็นหัวหน้าวินภายในชุมชนเพิ่งออกมาจากคุก และมักจะเข้าออกคุกเป็นประจำ เชื่อว่ากลุ่มนี้น่าจะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีการแอบอ้างว่า “ไปแจ้งความเลยกูไม่กลัว” “กูรู้จักกับ น.1” อีกอย่างหนึ่งคือกลุ่มนี้มีเงินใช้ไม่ขาดสาย ทั้งที่ไม่เห็นทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน

ส่วนในวันที่เกิดเหตุมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกายรีบออกไปดูลูกชาย พอเห็นสภาพของลูกชายแล้วตนต้องตกใจมากร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก และพยายามตะโกนถามว่า “ใครเป็นคนทำลูกกู” พอตั้งสติได้ตนมั่นใจว่าคนที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกชายจะต้องเป็นวัยรุ่นที่อยู่บริเวณปากซอยชุมชนอย่างแน่นอนจึงเดินไปถามว่า “ทำลูกชายทำไม” แต่วัยรุ่นกลุ่มนั้นกลับสวนมาว่า “ใครทำลูกมึง” แต่ด้วยความที่มั่นใจจึงบอกไปว่า “ใครที่ทำลูกกูจะต้องติดคุก พวกมึ-งมันหมาหมู่” แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่กลัว พร้อมรวมตัวเข้าหาตนเหมือนจะเข้าทำร้าย และท้าให้ไปแจ้งความ



นางพรทิพย์เผยอีกว่า ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ไม่กล้าดูคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ลูกชายถูกทำร้าย พอหันไปเห็นหน้าลูกชายที่มีบาดแผลร้องไห้ออกมาทุกครั้ง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีเพราะแจ้งความไว้นานแล้ว แต่คดีเหมือนยังไม่คืบหน้า

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า ทำไมต้องรอผลนิติเวชทั้งที่บาดแผลตามร่างกายของผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้เลย พอไม่ดำเนินคดีทำให้ผู้ก่อเหตุโพสต์ข่มขู่คนในครอบครัว ตนมองว่า สน.พญาไท จะต้องเร่งดำเนินการ การที่ปล่อยให้ล่าช้าเหมือนไม่ยุติธรรมกับผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายเป็นทหารทุกวันนี้ทหารทำหน้าที่มาอย่างหนัก แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

เบื้องต้นตนได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.ธนพล กลิ่นเกษร ผกก.สน.พญาไท เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าคดี นายเอกภพเผยอีกว่า พ.ต.อ.ธนพล ระบุว่าได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุ 4 คนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลืออีก 3-4 คน อยู่ระหว่างการให้ชุดสืบเร่งล่าตามตัว เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ส่วนที่มีการแอบอ้างว่ารู้จักกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องนี้ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เชื่อว่าเป็นเพียงแค่การแอบอ้างของกลุ่มผู้ก่อเหตุเท่านั้น

...