รอง ผบช.ภาค 8 พร้อม ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานจังหวัด รุกตรวจสอบ - จับกุมชาวต่างด้าว ถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบธุรกิจบนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 ต.ค. 68 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภาค 8 พร้อม พล.ต.ต.สุวัฒน์ สุขศรี ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมคณะทำงานปฏิบัติการสืบสวนสอบสวน และจับกุมชาวต่างด้าวประกอบธุรกิจบนแหล่งท่องเที่ยวเกาะสมุย เกาะพะงัน
โดยมีนายบันดาล สถิรชวาล รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ประธานกรรมการคณะทำงานด้านการตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างการถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของบุคคลต่างด้าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด, สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด, กอ.รมน.จังหวัด, แรงงานจังหวัด, ที่ดินจังหวัด เข้าร่วมประชุม เพื่อวางแผนดำเนินงานเข้าตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติผิดกฎหมายในชุดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้วางแผนการทำงาน จะมีการตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของบุคคลต่างด้าว หรือนิติบุคคล โดยให้มีการตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิการถือครองที่ดินของบุคคลที่มีสัญชาติไทยที่เข้าข่ายเป็นการถือครองแทนบุคคลต่างด้าว หรือนิติบุคคลต่างด้าวในลักษณะอำพรางหรือไม่ และตรวจสอบกรณีการครอบครองหรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินของบุคคลต่างด้าวในที่ดินของรัฐ รวมทั้งให้มีการตรวจสอบการรับใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร, การดำเนินการก่อสร้างอาคาร, การดัดแปลงอาคาร และการรื้อถอนหรือการเคลื่อนย้ายอาคาร
นายบันดาล สถิรชวาล รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การทำงานของคณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นประธานอำนวยการในการตรวจสอบตัวบุคคล ทราบจากคณะกรรมการที่ทำงานว่า การดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบการเดินทางเข้าออก และการคงอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า โดยจะมีการจำแนกประเภทของวีซ่า และการต่ออายุหนังสือเดินทาง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์แยกนักท่องเที่ยวออกจากผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อต้องการทำธุรกิจในประเทศไทย
...
"การทำงานตรวจสอบในครั้งนี้ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เราไม่ได้มุ่งเน้นไปเฉพาะที่นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่จะตรวจสอบชาวต่างชาติทุกรายที่เดินทางเข้ามาอยู่ในลักษณะพำนักระยะยาว" นายบันดาล กล่าว
นายบันดาล กล่าวอีกว่า การทำงานตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลได้นำข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้ามาวิเคราะห์ร่วมกับสำนักงานที่ดินจังหวัด เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการถือครองที่ดินของบริษัทนิติบุคคล ขณะเดียวกันจะตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทนิติบุคคล และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของที่มาของรายได้ และสถานะทางการเงินที่นำมาร่วมในการลงทุนของบริษัทนิติบุคคล
"ซึ่งการทำงานทั้ง 2 ด้านทั้งการตรวจสอบตัวบุคคล และการตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลจะทำควบคู่กันไปเนื่องจากข้อมูลทั้งสองส่วนจะเชื่อมโยงกัน"
ด้าน พล.ต.ต.ศรัญญู กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในส่วนของตำรวจที่เป็นทั้งพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนได้มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ร่วมกันเพื่อวางแนวทางเข้าดำเนินการ โดยขณะนี้มีเป้าหมาย และมอบให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละ พ.ร.บ.ให้ตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานจะสามารถเข้าปฏิบัติการได้ทันที
ในการเข้าปฏิบัติการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ความผิดซึ่งหน้า เช่น การพบการทำงานที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือการทำงานอาชีพที่สงวนสำหรับคนไทย, การอยู่เกินระยะเวลาที่กำหนด สามารถจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที
ส่วนที่สอง การเข้าตรวจค้นจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบในการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคล การถือครองที่ดิน, การชำระจ่ายภาษี, ประกอบธุรกิจโรงแรมรวมถึงการก่อสร้าง ซึ่งส่วนนี้จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานและให้หน่วยงานที่รับเป็นเจ้าของพระราชบัญญัติเป็นผู้เข้าร้องทุกข์ เพื่อให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินคดีทางกฎหมายในภายหลัง
พล.ต.ต.ศรัญญู กล่าวต่ออีกว่า การบูรณาการครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการกวดขันเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของชาวต่างด้าวโดยเฉพาะในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต, กระบี่, พังงา รวมถึงสุราษฎร์ธานี เราได้เข้ามาแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะใช้โมเดลการแก้ปัญหาในลักษณะการบูรณาการกำลังเข้าด้วยกัน เพื่อนำไปขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป