ตำรวจไซเบอร์ บุกทลายบริษัทคริปโตฯ เถื่อน แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1 พันล้านต่อเดือน หรือปีละกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ได้ผู้ต้องหา 9 ราย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ต.อ.คุณาปะโยชน์ อารีย์รัตนะธร ผกก.3, ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 ร่วมกันแถลงปฏิบัติการบุกทลายบริษัทคริปโตฯเถื่อน แหล่งฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาท

...




พล.ต.ต.ชัชปัณกาณฑ์ กล่าวว่า จากกรณีมีผู้เสียหายถูกขบวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง สูญเงินไปกว่า 3,000,000 บาท โดยตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้ทำการสืบสวนและประสานข้อมูลจากทีมสืบสวนทุจริตด้านดิจิทัลฝ่ายป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ กระทั่งพบข้อมูลสำคัญว่า ขบวนการดังกล่าวได้ใช้บัญชีม้าถอนเงินที่หลอกลวงจากเหยื่อที่ถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้อุบายหลอกลวงเหยื่อคนไทยให้เข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ ตามแพลตฟอร์มในสื่อโซเชียล

โดยนำเงินสดไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงินจากบริษัทแอ้นท์ เคอร์เรนซี แอคเคาท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลแต่ไม่ได้รับอนุญาตจดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเปิดดำเนินธุรกิจมานานกว่า 1 ปี ในลักษณะเป็นการฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน พบว่าบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือนหรือปีละกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดของขบวนการนี้รวม 11 ราย

ต่อมา พ.ต.อ.สมพล ใจดี รอง ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.คุณาปะโยชน์ อารีย์รัตนะธร ผกก.3, ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 นำกำลังเปิดปฏิบัติการนำกำลังค้นเป้าหมายรวม 7 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ, จ.ราชบุรี, จ.นครปฐม, จ.ฉะเชิงเทรา, จ.เชียงใหม่ และจ.ชลบุรี




พล.ต.ต.ศรายุทธ กล่าวต่อว่า โดยเป้าหมายสำคัญตำรวจชุดสืบสวนนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 481/68 ลงวันที่ 8 ต.ค.68 ค้นบ้านหลังหนึ่งถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ เข้าจับกุมนายชินภัทร เลิศวงศ์กรกิจ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา 295/2568 ลงวันที่ 6 ต.ค. 68 ทำหน้าที่กรรมการบริษัทของบริษัทแอ้นท์ เคอร์เรนซี แอคเคาท์ จำกัด พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง, แท็บเล็ต 1 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 22 เล่ม และบัตรกดเงินสด ATM 5 ใบ

นอกจากนี้ยังสามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 8 ราย ประกอบด้วย น.ส.พัชรนาฎ มั่งคั่ง อายุ 35 ปี ทำหน้าที่ ฟอกเงินสดเป็นสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) นายณัฐนันท์ ปินตาแสน อายุ 35 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด นายกฤษฎา ศิริ อายุ 20 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและถอนเงินสด

นายศราวุธ แซ่เฉิง อายุ 31 ปี ทำหน้าที่ควบคุมบัญชีม้าไปถอนเงินสด และตัดตอนเส้นทางการเงิน น.ส.เดือนฉาย ชั่งแต้ม อายุ 48 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า นายเกียรติบดินทร์ นวลวิลัย อายุ 50 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า นายทรงยศ แจ้งเสมอ อายุ 49 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า และ นายทวีศักดิ์ ชัดเจน อายุ 43 ปี ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า สอบสวนเบื้องต้นนายชินภัทร ซึ่งเป็นตัวการสำคัญยังให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหารายอื่น มีบางรายให้การรับสารภาพ

...




โดยตำรวจดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนร่วมกันซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงินฯ” ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมขบวนการในเครือข่ายนี้แล้ว

...