ตำรวจชุดสืบนครบาล IDMB สนธิกำลังสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจยึดเครื่อง SIM BOX พร้อมอุปกรณ์โทรตุ๋นเหยื่อ ขยายผลจับกุมหญิงไทยวัย 20 ปี ร่วมกระบวนการกับชาวไต้หวัน อ้างมีหน้าที่แค่เช่าบ้าน ได้ค่าจ้างเป็นเงิน 3,500 บาท ไม่รู้ว่าเช่าไว้เพื่อทำอะไร
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับ พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาวงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พงษ์สิทธิ์ ปาลาวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พีรรัฐ โยมา ผกก.สน.นิมิตรใหม่ และเจ้าหน้าที่ กสทช.
เข้าตรวจค้นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ย่านรามอินทรา 1 ซอย 11 แยกซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม. ภายหลังสืบทราบว่าเป็นที่ติดตั้งซิมบ็อกซ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีหญิงไทยร่วมกระบวนการ
...
พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.68 เวลา 18.00 น. ผู้เสียหายถูกโทรเข้ามาหลอกให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อยื่นภาษีที่ดินปลอม จากนั้นเงินในบัญชีธนาคารถูกถอนออกไป 398,900 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายแจ้งความที่ สน.สำเหร่
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายใช้อุปกรณ์เครื่อง SIM BOX หรือ GSM Gateway ในโทรศัพท์หลอกผู้เสียหาย ตำรวจ บก.สส.บช.น. สืบสวนมาตลอดเป็นเวลากว่า 1 เดือน ทราบว่ากลุ่มคนร้ายเช่าบ้านหลังดังกล่าว และห้องพักคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ไว้เพื่อตั้งอุปกรณ์ SIM BOX หรือ GSM Gateway กระจายสัญญาณเพื่อใช้ในการโทรศัพท์หลอกลวงประชาชน
พล.ต.ต.วสันต์ เผยอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ติดต่อเช่าห้องพักดังกล่าวคือ ชายชาวไต้หวัน โดยจะมีคนไทยร่วมกระบวนการในการทำสัญญาเช่าห้องดังกล่าวด้วย โดยเช่าห้องพักดังกล่าว เพื่อวางเครื่อง SIM BOX ทิ้งไว้ และให้ใช้เป็นตัวกลางในการให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตำแหน่งอื่น โทรศัพท์เข้ามาผ่านเครื่อง SIM BOX เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏบนเครื่องของผู้เสียหายเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทย สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง
พล.ต.ต.วสันต์ กล่าวต่ออีกว่า กระทั่งวันที่ 7 ต.ค.68 เวลาประมาณ 09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. บก.ปอท. บก.น.4 สน.นิมิตรใหม่ และเจ้าหน้าที่จาก กสทช. นำหมายค้นของศาลอาญา ที่ 810-812/2568 ลงวันที่ 6 ต.ค.68 เข้าค้นห้องพักที่เกี่ยวข้อง 3 จุด ได้แก่
บ้านหลังดังกล่าว ตรวจค้นพบอุปกรณ์ SIM BOX แบบ 16 ซิม 1 ชุด เราเตอร์อินเทอร์เน็ต 1 เครื่อง กล้องวงจรปิด 1 เครื่อง อุปกรณ์สำรองไฟ 1 เครื่อง และอุปกรณ์สายแลน 2 สาย ตรวจสอบที่นี่มีการโทรออกหลอกลวงถึง 9,000 ครั้ง
ห้องพักคอนโดดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบอุปกรณ์ SIM BOX แบบ 16 ซิม 1 ชุด เราเตอร์อินเทอร์เน็ต 1 เครื่อง กล้องวงจรปิด 1 เครื่อง อุปกรณ์สำรองไฟ 1 เครื่อง และอุปกรณ์สายแลน 2 สาย
และห้องพักในหอพักในพื้นที่ ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ผลการตรวจค้นพบ น.ส.อริสรา อายุ 20 ปี เป็นผู้เช่าบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ย่านรามอินทรา ดังกล่าว เพื่อวางเครื่อง SIM BOX
จากการสอบสวน น.ส.อริสรา ให้การว่า ตนได้รับว่าจ้างจากชายชาวไต้หวันให้ทำสัญญาเช่าบ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 1 เดือน ค่าเช่าเดือนละ 6 พันบาท ตนได้ค่าจ้างเป็นเงิน 3,500 บาท แต่ไม่รู้ว่าชายชาวไต้หวันดังกล่าวเช่าห้องไว้เพื่อทำอะไร เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.ต.วสันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการสืบสวนการกระทำดังกล่าวของกลุ่มคนร้ายมีการใช้เครื่องมือ SIM BOX เป็นตัวกลางในการโทรศัพท์มาจากต่างประเทศผ่านเครื่อง SIM BOX เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏบนเครื่องโทรศัพท์มือถือของเหยื่อหรือผู้เสียหายเป็นหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทย
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.6 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.11 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม และใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ตาม ม.67(3) พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544
ทั้งนี้ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนรู้เท่าทันกลโกง ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนร้ายคอลเซ็นเตอร์ หากได้รับสายจากหมายเลขโทรศัพท์แปลกปลอมให้กดวางทันที และตรวจสอบกับช่องทางของหน่วยงานราชการโดยตรง
...