ยายวัย 79 ปี หลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โอนเงินไปกว่า 4 ล้านบาท เตรียมโอนเงินเพิ่มอีก 3 ล้านบาท โชคดีตำรวจช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้สูญเงินเพิ่ม
จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง กำลังเจรจาพูดคุยกับคุณยายท่านหนึ่งที่กำลังจะถอนเงินจากธนาคารเพื่อโอนเข้าบัญชีอีกหนึ่ง ซึ่งเป็นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อธิบายรูปแบบการพูดจาหว่านล้อมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้คุณยายทราบ กระทั่งคุณยายได้สติและยกเลิกการถอนเงิน รอดจากการสูญเงินเพิ่มอีก 3 ล้านบาท
ต่อมา เวลา 16.30 น. ของวันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมายัง สภ.บ้านบึง พบกับ พ.ต.ท.เอกชัย ภาควัตร รอง ผกก.สภ.บ้านบึง เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นผู้สูงอายุ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหา และแจ้งว่าคุณยายมีส่วนเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมาย บัญชีธนาคารมีส่วนกับการฟอกเงิน มีหมายจับของตำรวจ ถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดีจะต้องโอนเงินเข้ามาให้ตรวจสอบ
จากนั้นมิจฉาชีพได้หว่านล้อมให้คุณยายสนทนาผ่านไลน์ ทางผู้เสียหายหลงเชื่อ เกรงว่าจะได้รับโทษ จึงทำตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ทำจะต้องถูกจับดำเนินคดี โดยเท่าที่ทราบตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 68 คุณยายได้สูญเงินจากการโอนเงินในบัญชีของตนเอง โอนเงินไปยังบัญชีม้าไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 4 ล้านบาท และวันที่ 24 ก.ย. 68 ก็เตรียมจะมาเบิกเงิน เพื่อโอนให้มิจฉาชีพอีก 3 ล้านบาท แต่ทางญาติของคุณยาย ทราบเรื่องก่อน จึงประสานเจ้าหน้าที่ธนาคาร และทางธนาคารก็แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หน่วยงานตำรวจไม่มีการโทรศัพท์แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ หรือกระทำการให้โอนเงินเข้ามาตรวจสอบอย่างที่คุณยายเข้าใจ จึงอธิบายให้คุณยายได้ทราบถึงกลโกงของมิจฉาชีพ การหว่านล้อมด้วยคำพูด การข่มขู่ให้เกิดความกลัวแล้วคล้อยตาม
...
ด้าน ร.ต.ต.วิทยา คำโสภา รอง สว.สืบสวน เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในคลิปช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้คุณยาย ผู้เสียหายโอนเงินให้มิจฉาชีพ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับแจ้งจากผู้จัดการธนาคาร ว่ามีหญิงผู้สูงอายุมาเบิกเงินจำนวน 3 ล้าน โดยมาคนเดียว ขอให้ช่วยสอบถามรายละเอียดเนื่องจากเกรงว่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก จึงรีบมาที่ธนาคาร เมื่อมาถึงธนาคาร ทางผู้จัดการธนาคารได้เชิญตนเองเข้ามาพูดคุยที่ห้อง และก็ได้พบกับหลานของคุณยายผู้เสียหายด้วย
โดยหลานผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลว่า คุณยายมีการใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมวางสาย ไม่เชื่อคำเตือนของใคร ต้องการที่จะมาเบิกเงินและโอนเงินที่เบิกไปยังเลขบัญชีที่ปลายสายให้ไว้อย่างเดียว เป็นเรื่องที่ผิดสังเกต
เมื่อทราบเช่นนั้นจึงประสานไปยัง พ.ต.ท.ศราวุธ ปานะเจริญ ผู้บังคับบัญชา ซึ่งเคยรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีไซเบอร์มาก่อนให้รีบมาช่วยเจรจา ให้คุณยายตั้งสติ พร้อมกับเช็คในระบบของตำรวจเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกออกหมายจับ และคดีอาญา ปรากฏว่าไม่พบชื่อของคุณยาย เป็นผู้มีคดีติดตัว หรือมีหมายจับแต่อย่างใด ทำให้คุณยายได้ตรึกตรอง จากนั้นจึงได้ทำการยกเลิกการเบิกเงินเพื่อจะโอนไปยังบัญชีม้า รอดพ้นการสูญเสียเงินเพิ่มอีก 3 ล้านบาทให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์.