คืบหน้ายายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลฯ 5 ล้าน ซ้ำฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน ล่าสุดรู้แล้วว่าโดนหลอก สามารถอายัดเงินได้บางส่วน พร้อมเผยกลมิจฉาชีพหลอกอย่างไรให้เหยื่อหลงเชื่อ


วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.5 รับแจ้งจาก ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 หน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง เข้าพูดคุยกับยายวัย 83 ปี ที่บ้านพัก ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากยายถอนเงินออกจากบัญชีมา 5 ครั้ง แต่ปรากฏว่ายายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่าตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชน ให้ช่วยดูแลยาย และเตือนเรื่องนี้ ต่อมายายได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 13 ก.ย. แต่ยังไม่ได้เงินคืน

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ายายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้ง ดังนี้ ครั้งแรก วันที่ 3 ก.ย. ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้าน วันที่ 4 ก.ย. โอนเงินสดไป 4 แสนบาท วันที่ 5 ก.ย. โอนไปอีก 3 แสนบาท วันที่ 8 ก.ย. โอนไปอีก 3 แสนบาท วันที่ 10 ก.ย. โอนไปอีก 4.5 แสนบาท รวมยอดเงินที่เสียไป 4.95 ล้านบาท (อ่านข่าว : บุกห้าม ยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลฯ 5 ล้าน ซ้ำฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน)

...

พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวว่า หากธนาคารพบความผิดปกติการถอนเงินจะส่งเรื่องมายังท้องที่ จากนั้นตำรวจในพื้นที่ก็จะทำการตรวจสอบและลงพื้นที่ทันที ซึ่งในมุมมองของตำรวจที่ทำงานมองว่า ศูนย์ AOC ถือว่าเป็นข้อดีของตำรวจ เพราะทำง่ายขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้ผู้เสียหายรู้ตัว ว่าถูกหลอก ทำให้ผู้เสียหายไม่ถูกหลอกในครั้งต่อไป และสามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้รวดเร็วขึ้น

สำหรับคดีนี้เป็นเพราะ AOC ตรวจสอบเจอก่อน ทำให้สามารถอายัดเงินได้ 2.5 ล้านบาท แม้ผู้เสียหายจะยังไม่แจ้งความ


ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า หลังจากที่ตำรวจเข้าไปแจ้งเตือนคุณยายที่บ้าน วานนี้ (15 ก.ย.) ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง ไปรับยายมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนแล้ว ขณะมาถึงโรงพักยายก็ยังไม่เชื่อ แต่เมื่อตนไปพูดคุยกับยายจึงเข้าใจ โดยมิจฉาชีพอ้างว่าเป็น ผกก. สภ.เมืองนครสวรรค์ หลอกให้ยายโอนเงินมาตรวจสอบ

พ.ต.อ.ภูมิยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีนี้ มิจฉาชีพจะสุ่มโทรหาประชาชนต่าง ๆ และจะอ้างว่าโทรมาจากค่ายมือถือ มีคนเอาชื่อท่านมาแจ้งความว่า ท่านเปิดเบอร์โทรไว้ แล้วจะออกอุบายขอแอดไลน์ส่วนตัว หลังจากแอดไลน์แล้ว มีการแอบอ้างว่าเป็นนายตำรวจ ยศ พ.ต.อ.ชื่อนี้ ท่านมีคดีติดตัว อาจจะถูกดำเนินคดีฟอกเงิน ต่าง ๆ และหลอกให้โอนเงินเข้ามาเพื่อตรวจสอบ เมื่อผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงมีการโอนยอดเงินต่าง ๆ เข้าไปให้คนร้าย เจ้าหน้าที่อายัดเงินคืนได้บางส่วน แต่เสียเงินไปทั้งหมด เกือบ 1.5 ล้านบาท นับจากการโอนแต่ละครั้งรวมกัน

จึงฝากเตือนประชาชนว่า เรื่องที่กำลังระบาดขณะนี้ มิจฉาชีพมักอ้างว่า เหยื่อมีการเอาชื่อไปเปิดเบอร์โทรต่าง ๆ ขอให้อย่ากลัวและอย่าหลงเชื่อ หากยิ่งคุยคนร้ายจะแอบอ้างต่าง ๆ นานา ทั้งอ้างว่าเป็นตำรวจ เช่น อ้างว่าตรวจสอบว่า มีหมายจับ ฟอกเงิน จาก ป.ป.ง. อะไรต่าง ๆ และให้ส่งมาตรวจสอบพร้อมส่งเลขบัญชีมาให้ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีเงินแล้วกลัวก็จะส่งเงินไปให้คนร้าย ทั้งนี้หากเจอลักษณะนี้ขอให้ประชาชนรีบวางสายทันที อย่าไปหลงเชื่อ หากพบปัญหาให้รีบโทรแจ้ง 191 ซึ่งช่วงนี้กำลังระบาด หากเป็นตำรวจจริงจะไม่มีการโทรแจ้งแต่อย่างใด.