ทนายความ “สีกาพลอย” เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจกองปราบ ปมเงินตั้งสมาคม 12 ล้าน โยงพระนักเทศน์ชื่อดัง จ.ปทุมธานี หวังช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา สุดท้ายเหมือนถูกหลอกใช้ "ตกเป็นแพะ" เป็นแค่ทางผ่านไปถึงคนอื่น
กรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ และประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ออกมาเปิดโปงพระนักเทศน์ชื่อดังที่ จ.ปทุมธานี มีประเด็นน่าสงสัยจากการโอนเงินให้สีการายหนึ่งที่ประเทศเยอรมนี กว่า 12 ล้านบาท จนสุดท้ายนำมาสู่การฟ้องร้องคดีแพ่งกันในประเทศเยอรมนี โดยสีการายนี้หลังรู้ว่าเป็นเงินของวัด จึงเข้าแจ้งความที่ บก.ปปป. โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 กันยายน 2568 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากคุณพลอย (นามสมมติ) สีกาจากประเทศเยอรมนี ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำและมอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมทั้งหมด
ทนายอุ้ม เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เมื่อปี 2561 คุณพลอยเลื่อมใสและศรัทธาในตัวหลวงพ่อวัดแห่งนี้ โดยวัดต้องการที่จะให้จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่ประเทศเยอรมนี ลักษณะของสมาคมสาขาของวัด เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และยังมีการแอบอ้างว่า หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์อีกด้วย
ทนายอุ้ม กล่าวอีกว่า ต่อมา หลวงพ่อจึงทยอยโอนเงินให้คุณพลอยตามที่ปรากฏพยานหลักฐาน 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 มีการโอนเงิน 6,000,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 2,700,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 2,000,000 บาท และครั้งที่ 4 จำนวน 1,500,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,200,000 บาท หลังจากนั้นคุณพลอยได้โอนเงินเข้าไปที่สมาคมดังกล่าว ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งเอาไว้ ลักษณะเป็นการว่าจ้างให้คุณพลอยเป็นผู้รับเงินจากประเทศไทย ก่อนโอนส่งต่อไปยังบัญชีของสมาคม ส่วนจะได้รับเงินค่าจ้างเท่าไหร่ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล
ทนายอุ้ม กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นคุณพลอยมารู้เรื่องว่า เงินที่รับโอนผ่านเข้าไปยังสมาคม กลับถูกโอนต่อไปยังบัญชีของพระรูปหนึ่ง ซึ่งต้องขอสงวนชื่อไว้ก่อนว่าเป็นพระรูปใด หลังจากที่คุณพลอยทราบเรื่องทำให้เสียความรู้สึก และเห็นว่าเป็นเพียงแค่ทางผ่าน ทั้งที่เข้าใจในตอนแรกว่าจะช่วยส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่กลายเป็นว่าเหมือนถูกหลอกใช้ และทำให้ตัวคุณพลอยตกเป็นแพะอีกด้วย
ทนายอุ้ม กล่าวด้วยว่า จากนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คุณพลอยจึงเดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ทั้ง บก.ปปป. ,ป.ป.ช. และ ปปง. หลังจากนั้นได้มาพบกับตน เพื่อให้เดินเรื่องและรับผิดชอบคดี จนนำมาสู่การแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ส่วนข้อหาที่จะเอาผิดนั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่า พนักงานสอบสวนจะพิจารณาความผิดข้อหาอะไรบ้าง เบื้องต้นได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนพิจารณาข้อหาความผิดเกี่ยวกับเรื่องเงินของวัด รวมถึงความผิดของเจ้าพนักงานด้วย
...
นอกจากนี้ ทนายอุ้ม ยังยืนยันว่า การแจ้งความของคุณพลอยครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของการขัดผลประโยชน์ส่วนตัว หรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวแต่อย่างใด แต่คุณพลอยต้องการจะทำให้ความจริงปรากฏแก่สาธารณชนว่า เงินที่รับโอนเข้าสมาคมสุดท้ายแล้วปลายทางไปที่ไหน และอยากรู้ว่าที่มาของเงิน จำนวน 12 ล้านบาทมาจากไหน และเป็นการใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ส่วนกรณีที่ฟ้องร้องกันที่ประเทศเยอรมนีนั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น
ทนายอุ้ม กล่าวต่อว่า ขอสงวนรายละเอียดของคดีนี้ เพราะหลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือของตำรวจหมดแล้ว ตอนนี้ตัวคุณพลอยยังอยู่ที่ประเทศเยอรมนี และยังไม่มีแผนที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทยด้วย ส่วนการสอบปากคำอาจจะให้พนักงานสอบสวนพิจารณาสอบปากคำผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะเดียวกันทราบมาว่า ในวันนี้ทางทนายอนันต์ชัยจะตามมาให้ข้อมูลเรื่องนี้กับตำรวจด้วย