ตำรวจ ปปป.บุกจับประธานนิติบุคคลหมู่บ้านหรูย่านบางขุนเทียน ติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต รวมหัวกันฉ้อราษฎร์บังหลวง ด้านลูกบ้านแฉ พฤติกรรมแสบ แต่งบัญชีทำเอกสารเท็จยักยอกเงินส่วนกลางเข้ากระเป๋า กว่า 1 ล้านบาท ลูกบ้านรายใดขอตรวจสอบเจอตั้งทนายฟ้องปิดปาก เผยวีรกรรมกร่าง กระทืบลูกบ้านคาสำนักงาน


เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 5 ก.ย. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปปป. เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ต้องหาขบวนการนิติบุคคลหมู่บ้านหรู รวมหัวเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน ฉ้อราษฎร์บังหลวง จำนวน 4 ราย

เป้าหมายสำคัญจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นบ้านพักภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง เขตบางขุนเทียน กทม. เป็นบ้านพักของ นายอลงกรณ์ สุขใส อายุ 58 ปี ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านคุณาลัย ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ทุจริต และ สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ“ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบ นายอลงกรณ์ อยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่แสดงหมายศาลให้ทราบก่อนเข้าจับกุม พร้อมนำตัวขยายผลเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักและห้องทำงานสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้าน


ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. อีกส่วนหนึ่งนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม น.ส.นิพาภรณ์ ชาแดงวงษ์ อายุ 38 ปี ผู้จัดการนิติบุคคลหมู่บ้านหรูดังกล่าว มีบ้านพักตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ทุจริต และ สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ“ ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาบันทึกการจับกุมที่ สน.เทียนทะเล ตามขั้นตอนกฎหมาย


ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 ราย ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน ประกอบด้วย นายยอดชาย นพประพันธ์ อายุ 51 ปี และ นายชาญวิทย์ วัฒนพันธ์ อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ทุจริต และ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ“ หลังทราบเรื่องว่า นายอลงกรณ์ และ น.ส.นิพาภรณ์ ผู้ร่วมขบวนการถูกจับกุมเมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา จึงเร่งประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวทันที โดยนัดหมายจะมาเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป.


สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายวันนี้ สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้ามายัง กก.1 บก.ปปป. ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานอยู่ในสำนักงานเขตบางขุนเทียน และ พลเมืองทั่วไป ร่วมกันทุจริตนำรถหลวงหรือทรัพย์สินหลวง มาใช้รับงานหารายได้เสริม หรือ หาประโยชน์ให้ตัวเอง จึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าวจริง

...




โดยแผนประทุษกรรมของผู้ต้องหากลุ่มนี้เริ่มจาก นายอลงกรณ์ และ น.ส.นิพาภรณ์ ประธานและผู้จัดการนิติบุคคลของหมู่บ้านหรูดังกล่าว จ่ายเงินสินบนว่าจ้างให้ นายยอดชาย และ นายชาญวิทย์ สองเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน แอบลักลอบนำรถบีบอัดขยะไฮโดรลิก ที่เป็นทรัพย์สินของหลวง มารับจ้างขนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ของหมู่บ้านไปทิ้งหรือทำลาย โดยไม่ผ่านการขออนุญาตจากสำนักงานเขต ซึ่งเหตุผลหลักที่ นายอลงกรณ์ และ น.ส.นิพาภรณ์ เลือกใช้วิธีดังกล่าว เนื่องจากการมีต้นทุนถูกกว่าการว่าจ้างรถ 6 ล้อ มาขนกิ่งไม้ ที่อาจใช้จำนวนรอบในการขนกิ่งไม้หลายเที่ยว ทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายมากกว่า และ การรับงานขนกิ่งไม้ของ นายยอดชาย และ นายชาญวิทย์ ยังเป็นการรับงานส่วนตัว ไม่ผ่านสำนักงานเขต ทำให้ง่ายต่อการตกแต่งตัวเลขบัญชีค่าใช้จ่าย ที่จะนำไปใช้ทำเอกสารเบิกจ่ายเท็จจากบัญชีธนาคารนิติบุคคลหมู่บ้าน เพื่อที่จะได้นำเงินส่วนต่างที่ได้มาแบ่งกัน


นอกจากนี้ยังพบว่าการนำรถบีบอัดขยะไฮโดรลิกมาใช้งานขนหรือบีบอัดเศษกิ่งไม้ดังกล่าว ถือเป็นการนำมาใช้งานผิดประเภท เนื่องจากรถบีบอัดขยะไฮโดรลิก เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้บีบอัดขยะทั่วไป ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าเพื่อให้สามารถขนได้ครั้งละเป็นจำนวนมาก แต่จะไม่เหมาะกับการนำมาใช้บีบอัดกิ่งไม้ ที่มีขนาดและความแข็งมากกว่า เสี่ยงเกิดความเสียหายต่อตัวรถหรือทรัพย์สินของหลวงได้

ขณะเดียวกันจากการสอบถามชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ถึงพฤติกรรมของ นายอลงกรณ์ และ น.ส.นิพาภรณ์ ประธานและผู้จัดการนิติบุคคลของหมู่บ้าน พบว่า ตั้งแต่ นายอลงกรณ์ เข้ามาเป็นคณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มักมีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นใหญ่ ทะเลาะกับลูกบ้านเป็นประจำ รวมทั้งจัดทำเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายเท็จ เพื่อนำมาเบิกเงินส่วนกลางประมาณ 1.6 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตนเอง รวมทั้งพยายามตกแต่งบัญชีเท็จเพื่อปกปิดการทุจริตเงินส่วนกลางหมู่บ้าน

กลุ่มลูกบ้าน ยังเผยอีกว่า ที่ผ่านมาหากลูกบ้านรายใดออกมาเรียกร้องขอตรวจสอบรายรับรายจ่ายของนิติบุคคล หรือ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการหมู่บ้าน นายอลงกรณ์ ผู้ต้องหา จะเกิดความไม่พอใจ ไม่ยินยอมให้เข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับจะเบิกเงินส่วนกลางของหมู่บ้านมาว่าจ้างทนายความฟ้องลูกบ้านในความผิดฐานหมิ่นประมาทเพื่อปิดปาก จนทำให้ปัจจุบันมีลูกบ้านถูกนิติบุคคลของหมู่บ้านฟ้องหมิ่นประมาทแล้วกว่า 10 ราย บางรายหนักถึงขั้นถูกตามข่มขู่ ขับรถเฉี่ยว หรือ ใช้กำลังรุมชกต่อยทำร้ายร่างกายภายในสำนักงาน จนทำให้ทุกวันนี้ลูกบ้านส่วนใหญ่ ต้องอยู่กันด้วยความหวาดระแวง