ตำรวจไซเบอร์บุกจับกุมแก๊งเวียดนามเทาคาห้างดังย่านลาดพร้าว หลังมีพฤติกรรมจ้างคนไทยทำธุรกิจเปิดบัญชีม้า มีค่าตอบแทนให้คนละ 3,000-5,000 บาท

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ร่วมแถลงปฏิบัติการรวบแก๊งเวียดนาม-คนไทยทำธุรกิจบัญชีม้า ยึดเงินสด 4 แสนบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในคดีนี้สืบเนื่องจากทางตำรวจไซเบอร์สืบทราบว่ามีกลุ่มคนชาวเวียดนามกลุ่มใหญ่ มีพฤติกรรมจ้างคนไทยให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการรับโอนเงิน โดยมีติดต่อกับนายหน้าคนไทยเพื่อให้จัดหาบัญชีม้าในการรองรับการโอนเงินเข้าบัญชีแล้วจะให้รีบถอนเงินสดออกจากบัญชีผ่านหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร หรือกดเงินสดออกจากตู้ ATM แล้วค่อยนำเงินสดมาให้กลุ่มชาวเวียดนาม โดยจะมีการจัดคนเฝ้าติดตามคอยควบคุมกำกับอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนายหน้าและบัญชีม้ามีค่าตอบแทนให้คนละ 3,000-5,000 บาท

...




ต่อมาตำรวจมีข้อมูลว่ากลุ่มชาวเวียดนามจำนวนหลายคนได้นัดหมายกับนายหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้า โดยพาเจ้าของบัญชีม้ามานัดเจอกันที่ศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน (ชั้น G) ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยนัดพบกันที่ศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน โดยทางพล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พ.ต.ต.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.ตอท. พ.ต.ท.คงกฤช รุ่งเรือง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.สอท.2 พ.ต.ท.กัณห์พิพัฒน์ ปันแสน สว.กก.1 บก.สอท.2 จึงวางแผนนำกำลังเข้าจับกุม

โดยพบเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทั้งชาวเวียดนามและคนไทยที่เชื่อว่าเป็นเจ้าของบัญชีม้า จากนั้นได้พากันเดินจากบริเวณศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน (ชั้น G) ไปยังเคาน์เตอร์ธนาคารและตู้ ATM ในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งพบว่าเจ้าของบัญชีม้ากำลังเดินไปถอนเงิน โดยมีคนเวียดนามเดินประกบเจ้าของบัญชีเพื่อไม่ให้มีการนำเงินที่เบิกถอนหลบหนีไป เมื่อเจ้าของบัญชีม้าได้เงินสดมาแล้ว ได้นำเงินสดมอบให้แก่ชาวเวียดนามที่ทำหน้าที่รวบรวมเงิน

ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น แต่ปรากฏว่ามีชายชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมเงินสด ได้นำเงินสดที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายวิ่งหลบหนีออกไปทางด้านหน้าห้างสรรพสินค้า จึงได้ทำการไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด โดยสามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อนายเหงียน ชวน ตุ่ง อายุ 33 ปี สัญชาติเวียดนาม ตรวจค้นในกระเป๋าสะพาย พบเงินสดจำนวน 400,000 บาท จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมควบคุมตัวผู้ที่อยู่ภายในห้างที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายกลุ่มนี้อีก 9 ราย

ประกอบด้วย นายเหงียน มินห์ จรุง อายุ 34 ปี สัญชาติเวียดนาม นายเหงียน เวียต อันห์ อายุ 24 ปี สัญชาติเวียดนาม นายเหงียน วัน ลวน อายุ 29 ปี สัญชาติเวียดนาม น.ส.ฮว่าง ถิ หั่นท์ อายุ 26 ปี นายเหงียน หงอก ถึก อายุ 33 ปี สัญชาติเวียดนาม น.ส.พรวิณี แสนศรี อายุ 38 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด น.ส.ศิวนันท์ บุญมา อายุ 28 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ นายปวริศ พุทธนาวงศ์ อายุ 37 ปี ชาว จ.สกลนคร และนายเชิดชาย โก๋กริ่ง อายุ 41 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี ก่อนควบคุมตัวผู้กระทำผิดทั้ง 10 ราย มาสอบปากคำที่ บช.สอท.

พล.ต.ต.ทินกร กล่าวว่า เบื้องต้นสอบสวนทราบว่า นายเหงียน หงอก ถึก เป็นหัวหน้าขบวนการชาวเวียดนามกลุ่มนี้ ทำหน้าที่คอยสั่งการและวางแผนให้นายหน้าบัญชีม้าชาวไทย นายหน้าบัญชีม้าชาวเวียดนาม และกลุ่มชาวเวียดนามที่ทำหน้าที่คอยติดตามเจ้าของบัญชีม้าแต่ละคนที่ไปกดเงิน หรือเบิกถอนเงิน และรวบรวมเงินที่กดได้ โดยหัวหน้าขบวนการและนายหน้าบัญชีม้าชาวเวียดนามสามารถสื่อสารภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

จากการตรวจสอบ พบว่าเส้นทางการเงินที่โอนมายังบัญชีม้าที่ตรวจยึดได้ มีผู้เสียหายชาวไทยหลายรายถูกหลอกให้ลงทุนเทรดทองโอนเงินเข้ามาในบัญชี โดยมี น.ส.ฮว่าง ถิ หั่นท์ เป็นผู้รับแลกเงินบาทไทยเป็นเงินดองเวียดนาม โดยรับเงินสดจากกลุ่มแล้วจากนั้นก็จะโอนเงินดองเวียดนามในบัญชีของตนที่อยู่ในประเทศเวียดนามให้กับกลุ่มคนร้ายในประเทศเวียดนาม

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า มีผู้เสียหายที่เกี่ยวข้องกับแก๊งเวียดนามเทากลุ่มนี้กว่า 30-40 เคสไอดี โดยเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป พร้อมกล่าวถึงวิธีการของแก๊งมิจฉาชีพปัจจุบันว่าได้กลับมาใช้วิธีม้าวันเดย์ หรือม้าวันเดียว เพื่อเปลี่ยนหน้าบัญชีม้าไปเรื่อยๆ เลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ โดยใช้วิธีโพสต์หาบัญชีม้าทั้งแบบบุคคลและนิติบุคคลในโลกโซเชียลในกลุ่มเปิดและปิด หรือติดต่อผ่านเครือข่ายที่เคยทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน จึงอยากฝากเตือนไปยังคนไทยที่เต็มใจเปิดบัญชีม้าว่าหากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบมีพยานหลักฐานไปถึงบัญชีม้าเหล่านี้ จะถือว่ามีความผิดในฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

โดยตำรวจได้ดำเนินคดีกลุ่มชาวเวียดนามทั้ง 6 ราย ในความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่และสมคบกันตั้งแต่ทั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเป็นช่องโจร หรือร่วมกันประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร"




ส่วนคนไทยอีก 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.พรวิณี และนายปวริศ ทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาบัญชีม้า ดำเนินคดีในข้อหา “สมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่และสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเป็นช่องโจร หรือร่วมกันประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร" และ "เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด"

ส่วนน.ส.ศิวนันท์ อายุ 28 ปี และนายเชิดชาย อายุ 41 ปี ทำหน้าที่บัญชีม้า ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่และสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเป็นช่องโจร หรือร่วมกันประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร" และ "เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด"

...