สมุทรสาคร “บิ๊กเต่า” นำทีม ป.ป.ท. ลงพื้นที่วัดใหญ่จอมปราสาท หลังพบเส้นทางการเงิน “อดีตมหาทิวากร” เปย์สีกากอล์ฟ ราว 7 ล้าน ตั้งแต่ปี 61 เรื่อยมา โอนทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ รอบ
เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นางสาวสวาท แซ่ตัน ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสาคร นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร และคณะ ได้เดินทางมาที่วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร เพื่อเข้าพบกับพระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ และพระมหาอรุณ รัตนปัญโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท
โดยทางด้านของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ได้เดินดูสภาพโดยรวมของวัดใหญ่จอมปราสาท ทั้งโบสถ์เก่าที่ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถาน เข้ากราบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์หลังใหม่ และดูจุดที่มีการจอดเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งได้มาเช่าที่จอดเรือบริเวณหน้าวัดใหญ่จอมปราสาทเพื่อทำการซ่อมแซมแล้วมีการจ่ายค่าเช่าที่จอดเรือ เข้าบัญชีอดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทโดยตรง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ได้ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์หลักของการเข้ามาที่วัดใหญ่จอมปราสาทในวันนี้ ว่า จากการบูรณาการทุกหน่วยงานตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการจัดการปัญหาเกี่ยวกับวัดต่าง ๆ เพื่อร่วมกันทำให้วัดมีความขาวสะอาดอย่างแท้จริงทั้งเรื่องเงินและเรื่องพระวินัย ซึ่งในส่วนของวัดใหญ่จอมปราสาทนั้น วันนี้ก็มีการจับกุมนายทิวากร ดีไพร หรือมหาทิวากร อดีตเจ้าอาวาสวัดฯ ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหลานชายคนขับรถที่บ้านพัก ดังนั้นเราจึงอยากมาที่วัด เพราะรู้ว่ามีบัญชีของอดีตเจ้าอาวาสวัด ที่โอนเงินไปให้สีกาจำนวนมาก จะด้วยความหลงใหลหรือเหตุอะไรไม่รู้ แต่มีถึงราว ๆ 6-7 ล้านบาท โดยโอนตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมา และโอนทุกวัน ๆ ละหลาย ๆ รอบ แม้แต่ละรอบจะเป็นเงินไม่มาก ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน แต่เมื่อรวม ๆ กันแล้วก็เป็นจำนวนเงินที่มากดังกล่าว
...
ซึ่งเงินที่โอนไปเป็นจำนวนมาก แต่วัดกลับถูกละเลยการดูแล ดังนั้นจึงได้เข้ามาดูกันเพื่อให้เห็นสภาพความเป็นจริง และต้องการให้คณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วม ได้ช่วยกันดูแลวัด ร่วมกันเข้ามาบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ และจัดการพื้นที่โดยรอบวัดให้น่าอยู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาเพราะวัดมีความสวยงามอยู่แล้ว ให้เกิดการพัฒนามีการปรับปรุงสถานที่ให้น่าอยู่ น่าชม เป็นที่เคารพกราบไหว้ของพี่น้องประชาชน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. บอกอีกว่า สำหรับในส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวขึ้นเครื่องกลับมาดำเนินคดี ซึ่งเบื้องต้นก็ยังไม่พบข้อพิรุธอื่นใดเพิ่มเติม ซึ่งเส้นทางการโอนเงินค่าเช่าพื้นที่วัดนั้น จะเข้าบัญชีเจ้าอาวาสโดยไม่ผ่านบัญชีวัด และมีการโอนไปให้สีกาตามที่รับทราบกัน ขณะที่การตรวจสอบโดยละเอียดแล้วไม่มีคลิป แต่มีสลิปการโอนเงินไปสู่สีกาเป็นจำนวนมาก
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวด้วยว่า ในส่วนที่มีการบูรณาการทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในศีลธรรมอันดี ส่วนอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเราก็ต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายเอาคนไม่ดีออกไป ซึ่งในส่วนของการขับเคลื่อนครั้งนี้ก็เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความดีงามทางพระพุทธศาสนา เอาคนดีไว้ เอาคนไม่ดีออกไปจากระบบ เพื่อทำให้ศาสนาและสังคมดีขึ้น.
รายงานข่าวแจ้งว่า เป้าหมายจุดแรกที่ตำรวจ บก.ปปป. เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรืออดีตพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยการทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” โดยทันทีที่ไปถึงพบ นายทิวากร กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม
โดยรายละเอียดที่มีการตรวจพบความผิด คือ มหาทิวากร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท หลังพบว่า ในช่วงที่มหาทิวากร ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น มักมีพฤติกรรมตั้งตัวเป็นคนบริหารจัดการเงินต่าง ๆ ของวัดแบบเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียว รวมถึงมีพฤติกรรมยักยอกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว สอดคล้องกับข้อมูลเส้นทางการเงินที่มีการตรวจสอบพบว่าในช่วงปี 2565-2568 มหาทิวากร เคยโอนเงินไปให้กับสีกากอล์ฟ เป็นเงินรวมกว่า 1,176,740 บาท
อีกจากการตรวจสอบยังพบว่า ในช่วงปี 2566-2568 ได้มีบริษัทเอกชนจำนวน 3 แห่ง ติดต่อขอเช่าสถานที่ของวัดบริเวณริมแม่น้ำท่าจีนใช้ทำเป็นที่จอดเรือ กับทางมหาทิวากร โดยตกลงกันทางวาจาเรียกเก็บค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 66 – 13 มิ.ย. 68 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 870,000 บาท โดยมีนายสันติชัย หรืออุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ประสานงานคอยจัดเก็บเงินค่าเช่า ก่อนจะโอนต่อมายังบัญชีธนาคารส่วนตัวของมหาทิวากร แต่ปรากฏว่าภายหลังได้เงินค่าเช่าที่จอดเรือมาแล้ว มหาทิวากร ไม่ได้นำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีวัด แต่กลับนำไปใช้ส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับดังกล่าว
...