สาววัย 27 ปี หนีตายขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา หลังถูกแฟนหนุ่ม เทรนเนอร์มวยค่ายดังทำร้ายร่างกายจนสะบักสะบอม ตาปิด อ้างแบ็กดี ใครทำอะไรไม่ได้ พบมีคนเคยเตือนให้หนี เพราะเคยซ้อมแฟนเก่าจนเข้า ICU

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ส.ค. 68 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีการแถลงข่าว กรณี น.ส.เดียร์ (นามสมมติ) สาววัย 27 ปี หนีตาย เรียกรถแท็กซี่ช่วยพาส่งมูลนิธิปวีณาฯ ขอเข้าพบ "ปวีณา" เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังถูกแฟนหนุ่มเทรนเนอร์มวยค่ายดัง ทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ตบตีใบหน้านับไม่ถ้วน จนเบ้าตาทั้งสองข้างบวมซ้ำ ตาปิด กระดูกเบ้าตาซ้ายล่างหัก มองเห็นภาพซ้อน ปากแตกมีแผลในปาก กักขังไม่ให้ออกไปไหน 3 คืน 4 วัน จนร่างกายสะบักสะบอม ซึ่งต้องการดำเนินคดีกับแฟนหนุ่มเทรนเนอร์มวยให้ถึงที่สุด เนื่องจากแฟนหนุ่มเคยข่มขู่ไว้ว่า "มีแบ็กดี ไม่มีใครทำอะไรได้" และยังพบว่าแฟนหนุ่มมีประวัติถูกดำเนินคดีถึง 4 ครั้ง เกี่ยวกับยาเสพติด 3 ครั้ง และคดีทำร้ายร่างกายแฟนเก่าสาหัส 1 คดี ซึ่งอยู่ระหว่างคุมประพฤติ

จากนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จึงประสาน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 และพ.ต.อ. อภิศักดิ์ โชติกเสถียร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าช่วยเหลือทันที โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พา น.ส.เดียร์ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ส่งตัวตรวจร่างกาย พบกระดูกเบ้าตาซ้ายล่างหัก ปากแตกเป็นแผล ฟันโยก ทานข้าวไม่ได้ บอบช้ำไปทั้งตัว

...


โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 68 น.ส.เดียร์ ยังถูกแฟนหนุ่มเทรนเนอร์มวย ซ้อมทารุณทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และได้หนีกลับไปบ้านเกิดที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แฟนหนุ่มตามง้อกลับมาและได้ถูกทำร้ายอีกครั้ง โดยมีเพื่อนของแฟนเก่าของเทรนเนอร์มวย ทักแชทมาเตือน น.ส.เดียร์ ว่า เทรนเนอร์มวยเคยทำร้ายร่างกายแฟนเก่าจนเข้า ICU ให้ตนหนีออกมา

น.ส.เดียร์ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี เล่าว่า ตนทำงานที่ร้านเบอร์เกอร์ใน อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต ช่วงเดือน ม.ค. 68 ตนสนใจอยากจะเรียนชกมวย เนื่องจากมีค่ายมวยดังเปิดสอนอยู่ตรงข้ามหอพักของตน จึงได้เข้าไปติดต่อสอบถาม และได้พบกับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเทรนเนอร์มวย จึงได้เริ่มเข้าไปเรียนในช่วงเดือน ก.พ. 68 หลังจากเรียนได้ประมาณ 5-6 ครั้ง จึงเริ่มสนิทกับนายเอ และเริ่มคบหากันเป็นแฟน ระหว่างที่คบกันระยะหนึ่ง นายเอ ได้เล่าให้ตนฟังว่ามีคดีทำร้ายร่างกาย ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทุกเดือน แต่ไม่ได้บอกว่าทำร้ายใคร และยังบอกด้วยว่า มีแบ็กคอยช่วยเหลืออยู่ และไม่มีใครมาทำอะไรได้

ช่วงเดือน พ.ค. 68 นายเอ ได้บอกตนว่าจะลาออกจากค่ายมวย และกลับไปดูแลป้าที่ล้มป่วยที่บ้าน จ.นนทบุรี จึงชักชวนตนมาอยู่ด้วย พอตนย้ายมาอยู่ด้วยราว 2 สัปดาห์ นายเอ เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหใส่ตนอยู่บ่อยครั้ง คิดว่าตนจะไปมีความสัมพันธ์กับทุกคนที่ตนคุยด้วยทางโทรศัพท์ พออธิบาย ก็ไม่เชื่อ และลงมือทำร้ายร่างกาย ให้ตนรับสารภาพ

รุ่งเช้าของวันที่ 14 ก.ค. 68 ตนตัดสินใจหนีกลับไปบ้านที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.อ่าวน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวตรวจร่างกาย แพทย์ระบุให้พักรักษาตัวเป็นเวลา 21 วัน แต่รักษาตัวที่บ้านได้ 12 วัน นายเอ ก็มาขอโอกาสให้ตนกลับไปอยู่ด้วย และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายร่างกายอีก ตนจึงยอมกลับไปอยู่ด้วย แต่หลังจากนั้นแค่ 2 วัน นายเอ ก็มีพฤติกรรมเดิมๆ ลงมือทำร้ายตนอย่างต่อเนื่อง และกักขังไม่ให้ตนออกไปไหน 4 วัน 3 คืน


กระทั่งเช้าวันที่ 2 ส.ค. 68 ตนก็ถูกนายเอ ทำร้ายร่างกายอีก หลังจากนั้นนายเอ ก็ออกไปทำงานที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ตนจึงตัดสินใจหาทางหนีออกจากบ้าน เรียกรถแท็กซี่ ให้พามาส่งมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยดำเนินคดีกับนายเอให้ถึงที่สุด และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยคุ้มครองความปลอดภัยด้วย

นางปวีณา กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าผู้กระทำความผิดได้กระทำความผิดซ้ำซาก ทั้งยังมีคดีที่อยู่ในระหว่างคุมความประพฤติ ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด เนื่องจากผู้เสียหายเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย และขณะนี้ น.ส.เดียร์ ผู้เสียหายจะอยู่ในการดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ จนกว่าจะได้ดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยมูลนิธิปวีณาจะประสานกระทรวงยุติธรรมพา น.ส.เดียร์ เข้ายื่นขอรับเงินเยียวยา และประสาน พม. ให้ฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป.