อดีตพ่อค้าในตลาด อ.ต.ก. จตุจักร สติแตก คว้าปืน 9 มม. ไล่ยิง รปภ.-แม่ค้า ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองเสียชีวิต - น.1 สอบปากคำภรรยา พบปมเหตุโกรธแค้น หลังถูก รปภ. 1 ในผู้เสียชีวิต กรีดรถเมื่อปี 62
เวลา 12.30 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ตำรวจ สน.บางซื่อได้รับแจ้งจากพนักงานรักษาความปลอดภัยในตลาด อตก. ว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงพนักงานรักษาความปลอดภัยเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน ทางตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อจึงนำกำลังตำรวจเข้ามาปิดล้อมภายในตลาด พร้อมทั้งอพยพประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ซึ่งในระหว่างที่ปิดล้อมและอพยพผู้คนออกจากตลาด ใช้เวลาประมาณ 30 นาที คนร้ายจึงทราบชื่อในเวลาต่อมาว่า ชื่อนายน้อย ไปรแดน อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าของแผงขายร้านที่ 30 ภายในตลาด อตก. ได้ใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองเสียชีวิต
จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุของตำรวจ สน.บางซื่อ พบว่านายน้อยลงมือก่อเหตุจุดแรกที่บริเวณประตูทางเข้าสำนักงานตลาด อ.ต.ก. ซึ่งเป็นประตูฝั่งตรงข้ามกับสวนจตุจักร ซึ่งบริเวณประตูทางเข้าพบศพ รปภ. 1 ศพ และบริเวณลานจอดรถพบร่าง รปภ. อีก 2 ศพ
นอกจากนี้ในป้อมยามยังพบร่างผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงทำการ CPR ใช้เวลานานกว่า 30 นาที แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะที่ภายในตลาด พบแม่ค้าถูกยิงอีก 3 ราย โดยเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย
โดยระหว่างที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกองปราบปราม ได้เดินทางเข้ามาในที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ หลังมีรายงานจากสื่อมวลชนว่าคนร้ายบุกเข้าศูนย์รับบริจาคสิ่งของช่วยชายแดนของ กัน จอมพลัง
ต่อมา พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในนครบาล ทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวน ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน ก่อนนำตัวภรรยาของนายน้อย ซึ่งเป็นแม่ค้าอยู่ภายในตลาดไปสอบปากคำบริเวณครัวอัปสรณ์ ด้านหน้าตลาด อตก. นานกว่า 2 ชั่วโมง
ก่อนออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลา 12:00 น. ของวันนี้ สำหรับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุคือนายน้อย ไปรแดน ได้จี้รถแท็กซี่บริเวณแยก SC park ให้มาส่งที่ตลาด อตก. โดยคนร้ายบอกกับคนขับรถแท็กซี่ว่าจะมายิง รปภ. ที่ตลาด อ.ต.ก. และขู่บังคับให้แท็กซี่ขับรถเข้ามาด้านในของตลาด บริเวณประตู 1 ซึ่งเป็นประตูฝั่งด้านหน้าสำนักงาน โดยเมื่อลงจากรถก็พบ รปภ. อยู่บริเวณประตูทางเข้า 3 คน นายน้อยจึงชักอาวุธปืนยิง รปภ. 1 คนล้มลง ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยอีก 2 คนพยายามวิ่งหลบหนี แต่ไม่ทัน ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถ ซึ่งห่างจากประตูประมาณ 20 เมตร
จากนั้นก็เดินไปถามหานายนัน จนทราบว่านายนันอยู่ในตู้ยาม ด้านหน้าธนาคารกรุงไทย จึงตามเข้าไปยิง ส่วนอาวุธปืนที่นายน้อยใช้ก่อเหตุนั้นพบเอกสารใบทะเบียนปืนหรือใบ ป.4 มีชื่อนายน้อยเป็นผู้ครอบครอง ระบุ cz 9 มม. ออกให้โดยนายทะเบียนปืนจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ปี 2561
สำหรับนายนัน ทราบว่าเป็น รปภ. ที่นายน้อยมีเรื่องโกรธแค้น บาดหมาง ทะเลาะกัน ฝังใจกันมานานก่อนหน้านี้ ช่วงปี 2562-2563 และจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าหลังยิงนายนันเสร็จแล้ว กระสุนปืนของนายน้อยหมดแม็ก ได้มานั่งบรรจุกระสุน ก่อนเดินเข้ามาภายในตลาด และยิงแม่ค้าอีก 3 คน ซึ่งมีร้านติดกับร้านของภรรยาตัวเอง ทำให้แม่ค้าเสียชีวิตทันที 1 ราย ส่วนอีก 2 รายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นนายน้อยได้นั่งอยู่บริเวณม้านั่งกลางตลาด ก่อนใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองเสียชีวิตคาที่
นอกจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังระบุอีกว่า จากการสอบปากคำฝั่งภรรยา ยังให้การอีกว่าสามีเป็นคนรักรถมาก โดยสาเหตุของความโกรธเคืองนั้น เนื่องจากสามีหรือนายน้อยขับรถมาส่งตนเองขายของและเป็นคนรักรถมาก เมื่อนำรถมาจอดที่ตลาด พบว่ารถถูกมีดกรีดเป็นทางยาว นายน้อยจึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของ รปภ. เคยร้องเรียนถึงขั้นที่นายน้อยเคยร้องเรียนกับทางศูนย์รับร้องทุกข์ของตลาด แต่ตอนที่ร้องเรียนนั้นนายน้อยมีสภาพมึนเมา เจ้าหน้าที่จึงไม่รับเรื่องพร้อมขอให้มาร้องเรียนใหม่ในวันทำการ ประกอบกับนายน้อยเวลาดื่มเหล้าเรื่องนี้จะถูกขุดคุ้ยมาตลอด และจะมีอารมณ์รุนแรงมาก ซึ่งเคยลงมือทำร้ายตนประจำ
ส่วนเหตุการณ์ในวันนี้นั้น ตนมาขายของตามปกติ โดยก่อนเที่ยงยังได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกัน ก็ไม่มีเค้าเหตุการณ์ดังกล่าว โดยหลังเกิดเหตุและสามีปลิดชีพตัวเองเสียชีวิตแล้วนั้น ก็เพิ่งมารู้ว่าผู้ที่ก่อเหตุคือสามีของตนเอง
ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุภายหลังเกิดเหตุการณ์ ระบุว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการดูแลเรื่องของสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ตายและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาถอดบทเรียน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดูแลความปลอดภัยในอนาคต พร้อมกับยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนบุคคล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดแต่อย่างใด ส่วนแม่ค้าที่ได้รับบาดเจ็บอีกสองรายนั้นเบื้องต้นได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพญาไท พหลฯ โดยทั้งสองคนปลอดภัย มีเพียงบาดแผลถูกกระสุนปืนเฉี่ยวที่แขน
ด้านนางฐิตารีย์ เทดี อายุ 52 ภรรยาผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เปิดแผงขายผลไม้แปรรูปชื่อร้านน้องแป๋ว อยู่ในตลาด อ.ต.ก. โดยเมื่อก่อนนี้สามีเคยช่วยกันขาย แต่ภายหลังเศรษฐกิจไม่ดีแผงเหลือเล็กลง ตนก็ดูแลเพียงคนเดียว โดยสามีไม่ได้มาที่ตลาดนี้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แต่ก็ขับรถมาส่ง โดยไม่เคยเข้ามาในตลาด เพราะไม่ถูกกับ รปภ. ซึ่งเคยมีเรื่องกันตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่สามีขับรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน กฐ7271 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีกล้องติดทั้งด้านหน้าและหลังรถ ซึ่งสามารถบันทึกภาพไว้ได้ว่า รปภ. หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นผู้ลงมือกรีดรถรอบคัน จนเกิดการต่อว่ากันและมีเรื่องทะเลาะกันเรื่อยมา ประกอบกับสามีเป็นคนรักรถมาก และเป็นคนที่แค้นฝังใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
และก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าสามีก็ได้ขับรถมาส่งตนตามปกติ ช่วงสายก่อนขับรถกลับไป และได้โทรหาตนช่วงก่อนเที่ยง โดยมีการขออโหสิกรรม ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร และไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนแม่ค้าทั้ง 3 คน ก็คุยกันปกติไม่เคยมีปัญหาทะเลาะอะไรกับสามีหรือตนเลย ซึ่งตนคาดว่าสาเหตุที่ลงมือกับแม่ค้าอาจเป็นเพราะสามีสติแตกไปแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุฒิมางกุร ผบก.พฐ. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
...