พนักงานสอบสวนคุมตัว "เสือปุ่น" และอีก 1 ลูกสมุน แก๊งปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท กลางลานจอดรถห้าง ฝากขังศาลอาญารัชดา พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงจะหลบหนี

จากกรณี "แก๊งเสือปุ่น" กับพวกรวม 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเงิน USDT จำนวน 100,000 ดอลลาร์ ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา 

ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.  "สืบนครบาล" ตามรวบตัว "เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊งพร้อมลูกน้องอีก 1 คน จนมุมบ้านเช่า จ.ปทุมธานี ซึ่งยังเหลือนายโบ้เพียงคนเดียวที่ยังหลบหนี โดยชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (รวบแล้ว "เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊งปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท กลางลานจอดรถห้าง

ล่าสุดวันที่ 19 ก.ค. ที่ สน.พหลโยธิน พนักงานสอบสวนได้เบิกตัว นายวรวัฒน์ หรือ "เสือปุ่น ปชน.3" และ "เสือบอล" ออกจากห้องควบคุมมาขึ้นรถ เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา ในความผิดฐาน "ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด" พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวกลัวว่าจะหลบหนี 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามารดาของเสือปุ่นได้นำอาหารและขนมหวาน มาเข้าเยี่ยม และพูดคุยกัน

สำหรับคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสองเมื่อคืนนี้ พันตำรวจเอกสิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายังให้การวกวนไปมา จับใจความได้เพียงแค่ทั้งสองคนผลัดกันขับรถ เปลี่ยนที่พักไปมาเพื่อให้ยากต่อการตามจับกุม ยอมรับว่ามีการแบ่งเงินกัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องของสัดส่วน รวมทั้งเรื่องของการวางแผนในการก่อเหตุ ซึ่งคืนนี้จะทำบันทึกจับกุมแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธินดำเนินคดีตามกฎหมาย 

...

ส่วนการบุกจับเมื่อวานนี้ ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามจนทราบเบาะแสและวางแผนเข้าตรวจค้นได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นขนาด .365, เครื่องกระสุนปืน 29 นัด, วัตถุคล้ายระเบิด MK2, เงินสด 3 พันบาท, รถเก๋งซึ่งใช้ทะเบียนปลอม, กระเป๋าหรู 2 ใบ ซึ่งของกลางทั้งหมดจะถูกส่งให้กับตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ นำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเพิ่มเติมในเรื่องของการครอบครองอาวุธปืนและวัตถุระเบิด รวมถึงความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง.