ลูกสาวเหยื่อมือปืนโหด ยิงดับ 2 ศพ วันพระใหญ่ เปิดใจขอตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตั้งคำถามถึงญาติผู้ต้องหา รู้ว่าป่วยจิตเวชทำไมไม่ดูแลให้ดี ทั้งๆ ที่ครอบครัวมีฐานะ

จากกรณีนายกิตติเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ลูกชายเจ้าของโรงเรียนสุธรรมศึกษา ป่วยจิตมีอาการคลุ้มคลั่งเกิดอาการหลอนยาใช้อาวุธปืนยิง นายติ่ง ชาวเรือหัก อายุ 52 ปี และ น.ส.ศิริพร ขจรศิริพงษ์ อายุ 49 ปี เสียชีวิต 2 ศพ เหตุเกิดในวัดคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม.เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ก.ค. 68 น.ส.ศิริฉัตร ขจรศิริพงษ์ อายุ 29 ปี ลูกสาวของ น.ส.ศิริพร ผู้เสียชีวิตและญาติ มาติดต่อขอรับศพ น.ส.ศิริพร ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รพ.ศิริราช ท่ามกลางความโศกเศร้า พร้อมกับกล่าวว่า ตนรู้สึกรับไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะผู้ต้องหาไม่มีท่าทีที่จะสำนึกกับสิ่งที่กระทำลงไป อย่างเมื่อวานนี้ก็มีบางช่วงที่ผู้ต้องหาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่สำนึกกับสิ่งที่กระทำลงไป และผู้ต้องหาหันมาพูดกับตนว่าจะเอาอีกศพหรือไม่ ยิ่งทำให้ตนมองว่าผู้ต้องหามีนิสัยแบบนี้ ยิ่งเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ไม่อยากจะจัดงานศพในวัดที่เกิดเหตุ เพราะไม่รู้ว่าญาติพี่น้องของผู้ต้องหาคนอื่นจะมีพฤติกรรมเป็นแบบเดียวกันหรือไม่

น.ส.ศิริฉัตร กล่าวอีกว่า ตนเรียกร้องให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ก่อนเกิดเหตุก็เดินมาถามหาว่าแม่ของตนอยู่ที่ไหน นั่นแสดงว่าผู้ต้องหามีการคิดมาก่อนแล้วว่าจะมาฆ่าแม่ของตน อยากให้ตำรวจพิจารณาในส่วนนี้ด้วย ถ้าหากผู้ต้องหาสำนึกผิดจริงๆ แล้วมีโอกาสอยากจะมาขอขมา ตนก็ไม่ห้าม แต่ตอนนี้ตนไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาสำนึกผิดจริงๆ

...

ในส่วนของครอบครัวผู้ต้องหา ตนก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่สาวของผู้ต้องหาที่โทรศัพท์มาร้องห่มร้องไห้ขอโทษบอกว่าจะเยียวยาชดใช้อย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้มกับชีวิตที่เสียไป พร้อมกับเปิดคลิปเสียงบางช่วงบางตอนให้ทีมข่าวฟังด้วย

ส่วนญาติคนอื่นของผู้ต้องหาตนอยากจะถามว่า ในเมื่อรู้ว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยจิตเวช ทำไมถึงไม่ช่วยกันดูแล ทั้งๆ ที่ก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะ หรือว่าคนในครอบครัวไม่สามารถดูแลได้




ขณะที่ญาติของนายติ่ง ชาวเรือหัก อายุ 52 ปี ผู้เสียชีวิตอีกคนก็ได้มาติดต่อขอรับศพเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ตอนนี้ยังรู้สึกโกรธแค้นผู้ต้องหา ยังไม่ให้อภัย ถ้าหากผู้ต้องหาอยากจะมาขอขมาก็ขอให้มันเป็นเรื่องในอนาคต เพราะตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาไม่มีท่าทีสลด ซ้ำยังไปขู่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตอีกคนหนึ่งว่าจะเอาอีกศพหรือไม่ ยิ่งทำให้ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะผู้ต้องหาไม่มีท่าทีที่จะสำนึกกับสิ่งที่ทำลงไปเลย หลังเกิดเหตุถึงตอนนี้ตนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้ต้องหาเลยสักครั้ง เพราะทางนั้นส่งแต่ตัวแทนของโรงเรียนมาพูดคุย บอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างให้ ทั้งเงินค่าจัดงานศพและการเยียวยา โดยวันนี้จะเป็นวันสวดอภิธรรมศพวันแรกที่วัดคูหาสวรรค์ เป็นวัดที่เกิดเหตุ ตนก็ได้แต่หวังว่าญาติของผู้ต้องหาจะมาร่วมงาน

ส่วนผู้ต้องหาตนมีโอกาสเคยเจอหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่บ่อยมาก หลายๆ คนก็มาพูดให้ฟังว่า มีอาการป่วยจิตเวช ชอบยิงปืน ชอบสะสมปืน แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะใช้อาวุธปืนมาก่อเหตุแบบนี้

ด้านความคืบหน้าคดี พ.ต.อ. โอภาส หาญณรงค์ ผกก. สน.ภาษีเจริญ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผู้ต้องหาอยู่ในห้องควบคุมขังก็มีอาการปกติ ไม่ได้ร้องขออะไรหรือส่งเสียงเอะอะโวยวายอะไร และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีญาติของผู้ต้องหามาติดต่อขอเยี่ยม พร้อมทั้งเอาข้าวเอาน้ำมาให้

สำหรับผู้ต้องหา มีอาการป่วยจิตเวชจริง เคยมีประวัติเข้ารับการรักษา แต่ขาดการกินยามานานแล้วหลายปี ส่วนเรื่องที่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตร้องขอให้มีการเพิ่มข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้เพราะต้องรอสอบปากคำผู้ต้องหาพร้อมทนายความ ในเวลา 16.00 น. วันนี้ จะต้องดูคำให้การของผู้ต้องหา ตอนนี้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ไปก่อน