คุมตัวชายคลั่ง ยิงดับ 2 ศพ หน้า "วัดคูหาสวรรค์" เขตภาษีเจริญ พร้อมยึดของกลางรวม 14 รายการ ทั้งอาวุธปืนหลายกระบอก และกระสุนเพียบ
จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. เกิดเหตุคนร้าย บุกจ่อยิงชาวบ้านดับ 2 ศพ ย่านวัดคูหาสวรรค์วรวิหาร เขตภาษีเจริญ คนในพื้นที่เผยผู้ก่อเหตุเป็นลูกเจ้าของโรงเรียน ถูกตำรวจควบคุมตัวไปที่โรงพักเรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้น คาดมีอาการหลอน คลั่งยาเสพติด ดังที่นำเสนอข่าวไปนั้น (คนร้ายคลั่ง บุกยิงชาวบ้านดับ 2 ศพ ย่านวัดคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ)
โดยผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ศิริพร ขจรศิริพงษ์ และนายติ่ง ชาวเรือหัก อายุ 51 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายกิตติเดช มณีสุขธรรม อายุ 35 ปี ตำรวจได้คุมตัว และยึดของกลางได้รวม 14 รายการ ประกอบด้วย
1. อาวุธปืนกล็อก 19 ขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนบรรจุภายในแมกกาซีน จำนวน 7 นัด
2. อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 พร้อมกระสุนบรรจุภายในลูกโม่ จำนวน 7 นัด
3. อาวุธปืนลูกซองยาวยี่ห้อเรมิงตัน (ไม่มีกระสุน) จำนวน 1 กระบอก
4. ซองปืนแบบพกในสีดำจำนวน 1 ซอง
5. ซองปืนลูกโม่แบบพกในจำนวน 1 ซอง
6. แมกกาซีนยาวขนาด 30 นัด พร้อมกระสุนบรรจุภายในแมกกาซีนจำนวน 25 นัด
7. แมกกาซีนกล็อกขนาด 15 นัดพร้อมกระสุนภายในแมกกาซีนจำนวน 10 นัด
8. แมกกาซีนกล็อกขนาด 15 นัดพร้อมกระสุนภายในแมกกาซีนจำนวน 11 นัด
9. แมกกาซีนกล็อกขนาด 15 นัดพร้อมกระสุนภายในแมกกาซีนจำนวน 11 นัด
10. สปีดโหลดลูกโม่พร้อมกระสุน 7 นัด จำนวน 4 โม่
11. กระสุน .38 จำนวน 14 นัด พร้อมบรรจุอยู่ในกระเป๋ากระสุน
12. กล่องเก็บกระสุนปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนจำนวน 43 นัด
...
13. อุปกรณ์ชุดสปริงปืนจำนวน 1 ชุด
14. กระเป๋าสะพายข้างสีดำ 1 ใบ
นายสำอางค์ ชาวเรือหัก น้องชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า ได้ยินเสียงปืนเมื่อเช้า ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ จากนั้นก็เห็นนายปาร์ค ผู้ก่อเหตุที่ใช้ปืนยิงนายติ่งเสียชีวิตในวัด เมื่อเช้านายติ่งยังไปซื้อบุหรี่มานั่งสูบอยู่ที่หน้าวัดนี้ โดยหลังจากก่อเหตุก็เดินกลับเข้าไปในโรงเรียน จากนั้นก็มารู้ว่ามีผู้หญิงถูกยิงตายก่อนหน้านี้ที่มายิงนายติ่งที่วัด
ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนบอกว่า ได้โทรศัพท์บอกลูกสาวของ น.ส.ศิริพร แล้วว่าแม่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตก็กำลังป่วยเป็นโรคไตอยู่ด้วย ต้องพาไปฟอกไตอยู่เป็นประจำ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ทราบเบื้องต้นว่าเป็นลูกชายของเจ้าของโรงเรียน และติดยาเสพติดมานานแล้ว คนในชุมชนรู้ดีว่าเขาติดยา ส่วนวันนี้ก็คาดว่าเล่นยาหนักไปหน่อย ก่อนจะออกมาก่อเหตุแบบนี้ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุก็เห็นว่ามีจำนวนมาก ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน
ด้าน พลตำรวจตรี โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ผู้ก่อเหตุมีบัตรผู้ป่วยจิตเวช เคยเข้ารับการรักษาแต่ภายหลังไม่ได้รักษาแล้ว และไม่ได้รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
จากการพูดคุยเบื้องต้น พบว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะการพูดจาไม่ปะติดปะต่อ มีการข่มพี่สาว และกล่าวหาผู้ตายว่าเอาตะปูตอกศีรษะ พูดเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย ไม่มีจุดหมาย และระบุว่า ต้องเป็นคนที่เข้าใจเขาจริง ๆ จึงจะเข้าใจในสิ่งที่พูดได้ ส่วนลักษณะดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางเคมีในสมองหรือไม่นั้น ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
ในส่วนของการดำเนินคดี พบว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยของกลางที่ตรวจพบในบ้าน มีอาวุธปืนรวม 3 กระบอก ได้แก่ ปืนขนาด .38, ปืนขนาด 9 มม. และปืนลูกซอง พร้อมกระสุนกว่า 100 นัด ซึ่งเป็นอาวุธที่มีทะเบียนถูกต้อง อยู่ในชื่อของพ่อผู้ก่อเหตุ และเคยมีประวัติซ้อมยิงปืนมาก่อน
สำหรับประเด็นที่อาจมีการยกข้อต่อสู้ว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต ต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์และพิจารณาในขั้นตอนต่อไป โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มองว่า การควบคุมตัวครั้งนี้เป็นการยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ เนื่องจากผู้ก่อเหตุแสดงพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับอาการ "แอคทีฟแอคติ้ง" ซึ่งเป็นภาวะคิดไปเองและกระทำตามความคิด
ในส่วนของการสอบสวนดำเนินคดี อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.ภาษีเจริญ ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานบุคคล และจัดทำสำนวนคดีอย่างรัดกุม
กรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลว่าผู้ก่อเหตุอาจกลับเข้ามาในชุมชน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ ระบุว่า ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญคือการมีบุคคลอันตรายอยู่ภายในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผู้เมายา ผู้มีอิทธิพล หรือบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งข้อมูลแก่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับแจ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรายนี้จากชาวบ้านเลย
...