"ตำรวจไซเบอร์" ประสานคืนเงิน "ชาวญี่ปุ่น" จำนวน 215 ล้านบาท หลังถูกหลอกโอนเงินข้ามชาติ
วันที่ 9 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. แถลงปฏิบัติการตามคืนเงินเหยื่อ 215 ล้านบาท รวบไทยเทาร่วมแอฟริกันตะวันตกลวงข้ามชาติ หลอกบริษัทดังในญี่ปุ่นโอนเข้าไทย
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 ตำรวจไซเบอร์ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญงานติดตามและสืบค้นการทุจริตอาวุโสของธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันทุจริต โดยฝ่ายระบบ SWIFT (ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ) ได้รับแจ้งจากธนาคารชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นว่า ได้พบบัญชี Fraud (การฉ้อโกงทางการเงิน, การฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต (Cyber Fraud)) ผ่านหน่วยเงินโอนต่างประเทศ
...
ทางตำรวจไซเบอร์จึงทำการตรวจสอบพบว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันที่เกิดเหตุ บริษัทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นได้มีคำสั่งโอนเงินไปที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าของประเทศเกาหลีใต้เพื่อทำการค้าระหว่างกัน แต่บริษัทดังกล่าวได้ถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้ามาที่บัญชีธนาคารพาณิชย์ของไทย เป็นเงินจำนวน 228,543,909.28 บาท
ทั้งนี้ จึงทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าหลังการโอนเงินมีนายวีรกานต์ คำทองยศ อายุ 36 ปี ได้ถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารในประเทศไทย จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 13 ล้านบาท ภายหลังธนาคารได้รับแจ้งว่าเป็นบัญชีที่ได้รับโอนเงินจากการกระทำการผิดกฎหมาย จึงได้ทำการอายัดบัญชีก่อนประสานมายังตำรวจไซเบอร์
ขณะที่ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1 บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวน ทำการสืบสวนจนพบข้อมูลว่าบริษัทคู่ค้ามีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ถ.เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ได้จดทะเบียนนิติบุคคลประเภทบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจขายส่งยานยนต์เก่า โดยมีคณะกรรมการ 3 ราย ประกอบด้วย นายวีรกานต์ อายุ 36 ปี ชาวกรุงเทพฯ น.ส.วิลัยพร อายุ 24 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนายอนุชา อายุ 35 ปี ชาว จ.หนองบัวลำภู
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า โดยมิจฉาชีพได้ให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้จัดตั้งนิติบุคคลเพื่อเจตนาตั้งชื่อเลียนแบบบริษัทของประเทศเกาหลีได้ ซึ่งเป็นคู่ค้าในประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความสับสนเมื่อคู่ค้าตกลงทำธุรกรรมกัน ซึ่งทางมิจฉาชีพได้ส่งอีเมลปลอมที่มีข้อมูลคล้ายกับของจริง และได้มีการเปลี่ยนเลขบัญชีธนาคารปลายทางให้คล้ายกับชื่อบริษัทของจริง
...
จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทญี่ปุ่นว่า บริษัทของตนเปลี่ยนบัญชีรับโอนเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทญี่ปุ่นหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินให้กว่า 228 ล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับกรรมการบริษัททั้ง 3 ราย โดยตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวนายวีรกานต์ได้ในพื้นที่หลักสี่ กรุงเทพฯ ส่วน น.ส.วิลัยพร และนายอนุชา ติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม
ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.1 ได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบหลักฐานยังมีผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ คือ Mr. Annest Onyebuchi อายุ 41 ปี ชาวไนจีเรีย มีภรรยาชาวไทยคือ น.ส.พิญญานันท์ ทิพย์คำทองยศ อายุ 47 ปี ชาวกรุงเทพฯ พักอาศัยอยู่ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ โดยชาวไนจีเรียรายนี้เป็นผู้ใช้ให้นายวีรกานต์ไปเปิดบริษัทต่างๆ และเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบริษัทดังกล่าวก่อนหน้านี้ จนนำไปสู่การจับกุมตัว น.ส.พิญญานันท์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเบิกเงินร่วมกับนายวีรกานต์ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
...
เบื้องต้น น.ส.พิญญานันท์ ยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ก่อนมีการโอนเงินจำนวนกว่า 228 ล้านบาท เข้ามา Mr. Annest Onyebuchi สามีของตนเอง ได้เป็นผู้ส่งข้อมูลภาพใบแจ้งหนี้ของบริษัทที่โอนเงินมาให้ตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp ก่อนทำการส่งภาพดังกล่าวให้นายวีรกานต์นำไปประกอบเพื่อยืนยันกับธนาคารในการถอนเงิน
นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานว่านายวีรกานต์ได้เตรียมนำฝากเงินจำนวน 100 ล้านบาท ไปยังบัญชีธนาคารของบริษัท มิลเลียน มิกซ์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้างและเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยมีนายภูริพัฒน์ บริรักษ์คูเจริญ อายุ 58 ปี และนายสุเมศย์ รักน้อย อายุ 51 ปี เป็นกรรมการบริษัท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 3 ราย ประกอบ Mr. Annest Onyebuchi ชาวไนจีเรีย นายภูริพัฒน์ และนายสุเมศย์
...
ต่อมา ตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัท มิลเลียน มิกซ์ จำกัด (ปัจจุบันมีป้ายชื่อเป็นบริษัท ฟู้ดไซเบอร์ จำกัด) ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 13 ของอาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ สามารถจับกุมนายภูริพัฒน์ และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารสำคัญต่างๆ
จากการสอบสวนนายภูริพัฒน์ ให้การว่า ได้รู้จักสนิทสนมกับชายผิวสีรายหนึ่ง ชื่อ Mr. Ibrahim อายุ 51 ปี สัญชาติกาน่า โดยติดต่อคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp ต่อมา Mr. Ibrahim ได้แชทมาหาตนว่า ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทยจึงให้ช่วยรับเงินที่โอนตรงจากบริษัทในประเทศญี่ปุ่น เมื่อรับโอนเงินเรียบร้อยแล้ว Mr. Ibrahim จะจ่ายค่าตอบแทนให้ตนเป็นส่วนแบ่งจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดเงินที่รับโอน ตนเองจึงแจ้งว่าต้องให้ทางบริษัทญี่ปุ่นติดต่อโดยตรงเท่านั้น ก่อนที่ Mr. Ibrahim ได้ขอยกเลิกไปโดยไม่มีเหตุผล กระทั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุม Mr. Ibrahim ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในขบวนการนี้ ได้ในพื้นที่ จ.นนทบุรี
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิด 8 ราย สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 6 ราย ส่วนที่เหลืออีกสองรายคือ Mr. Annest Onyebuchi ชาวไนจีเรีย และนายสุเมศย์ อยู่ระหว่างติดตามตัว ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบว่ายังมีอีกกว่า 10 บริษัทที่ถูกกลุ่มขบวนการสวมรอยในลักษณะเดียวกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกันนี้หรือไม่
ทั้งนี้ ตำรวจได้ดำเนินคดีในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและได้ลงมือกระทำความผิดร้ายแรงตามวัตถุประสงค์ขององค์กรอาชญากรรมนั้น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และซ่องโจรและได้กระทำความผิดตามความมุ่งหมายของอั้งยี่หรือซ่องโจร"
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ชุดสืบสวนได้ดำเนินการติดตามอายัดเงินจากบัญชีคนร้ายได้ทั้งสิ้น จำนวน 215 ล้านบาท จากการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินในบัญชี พบว่าเป็นเงินของผู้เสียหายจากการถูกคนร้ายในกลุ่มขบวนการนี้หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี ทางตำรวจไซเบอร์ได้ดำเนินการประสานผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น เพื่อคืนเงินที่อายัดไว้ได้เป็นเช็คเงินสด 215 ล้านบาท.