เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องปูพรมตรวจวัดม่วง เร่งเครื่องตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีวัด ชาวบ้านโวย ตำรวจ “เก่งแต่กับพระ ทำไมไม่ไปจับโจร” ยืนยันเจ้าอาวาสเป็นคนดี มีนิสัยประหยัด หรือ “ขี้งก” ย้ำการมีเงินเยอะอาจเป็นเพียงการเก็บออม ไม่ได้หมายความว่ามีความผิด ด้าน ผกก.เพชรเกษม เผยไม่มีอาชญากรคนไหนที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้”

จากกรณีคนร้ายลักทรัพย์เงินสด 10 ล้านบาท ทองคำแท่ง หนัก 250 บาท รวมมูลค่ากว่า 22.5 ล้านบาท ในกุฏิของพระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ย่านบางแค เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเวลา 14.00 วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในวัด

...






การตรวจค้นมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบบัญชีวัด และเส้นทางการเงินของเจ้าอาวาสวัดม่วง โดยเจ้าหน้าที่ได้นิมนต์เจ้าอาวาสออกมาชี้แจงรายละเอียด แต่เจ้าอาวาสระบุว่าให้สอบถามข้อมูลทั้งหมดกับพระเลขาฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านบัญชีแทน





ระหว่างปฏิบัติการ มีชาวบ้านและญาติโยมจำนวนหนึ่งเดินทางมาที่วัดเพื่อให้กำลังใจเจ้าอาวาส โดยแสดงความไม่พอใจต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยมีหญิงรายหนึ่งกล่าวว่า “เก่งแต่กับพระ ทำไมไม่ไปจับโจร” พร้อมเชื่อว่าเจ้าอาวาสเป็นพระดี ที่อาจถูกใส่ร้ายจากพระคู่ขัดแย้ง โดยระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าอาวาสมีนิสัยประหยัด หรือ “ขี้งก” และการมีเงินจำนวนมากอาจเป็นเพียงการเก็บออม ไม่ได้หมายความว่ามีความผิด เพราะวัดใหญ่ ๆ ทั่วไปก็มักมีรายรับจำนวนมากอยู่แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผู้กำกับการ สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า คดีเงินหายในวัดม่วงมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ยืนยันว่าการทำงานของตำรวจไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายใน แต่ยอมรับว่าภาพจากกล้องวงจรปิดบางส่วนถูกกระดาษปิดบัง ทำให้ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามสามารถกู้คืนภาพได้บางส่วน

ในวันเดียวกันนี้ พระนิทัศน์ ประเสริฐ ได้เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ บก.ปปป. ซึ่งตำรวจ สน.เพชรเกษมจะนำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมารวบรวมเพื่อตรวจสอบต่อไป

...





สำหรับกรณีของไวยาวัจกร ว่าอาจมีส่วนรู้เห็นกับเงินที่หายไปหรือไม่นั้น ผกก.สน.เพชรเกษม ระบุว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนในสำนวนคดี แต่ย้ำว่าตำรวจมีหลักฐานเพียงพอ โดยกล่าวว่า “ไม่มีอาชญากรคนไหนที่ไม่ทิ้งร่องรอยไว้”

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีบัญชีเกี่ยวข้องกับวัดมากกว่า 3 บัญชี ซึ่งแบ่งออกเป็น บัญชีวัด และ บัญชีส่วนตัว ของเจ้าอาวาส โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการตรวจสอบรายละเอียด ขณะที่ สน.เพชรเกษม ระบุว่า ทำหน้าที่เพียงอำนวยความสะดวกในกระบวนการ

ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวทิ้งท้ายในเชิงปรัชญาธรรมว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” พร้อมระบุว่า ไม่ว่าผลของการสอบสวนจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

...