"พระนิทัศน์" หอบหลักฐานพบกองปราบ ปมทรัพย์สินเจ้าอาวาส "วัดม่วง" เชื่อเงินทองไม่ได้หาย ด้าน "บิ๊กเต่า" เผย ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงิน หาที่มาของเงินวัด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ก.ค. 68 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พระนิทัศน์ ประเสริฐ อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อนำหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของเจ้าคุณณรงค์ เจ้าอาวาสวัดม่วง มามอบให้ประกอบการพิจารณา
พระนิทัศน์เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าไปสอบปากคำกับตำรวจว่า วันนี้นำหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เป็นพยานหลักฐานต่าง ๆ และพยานบุคคลที่รู้ประวัติของเจ้าอาวาสฯ เป็นอย่างดีมา เนื่องจากเขาเคยเป็นเลขาฯ เก่าของเจ้าอาวาสฯ ส่วนตำรวจจะสอบปากคำเรื่องอะไรบ้าง ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่คงเป็นเรื่องที่เคยชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้ว และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก
...
เมื่อถามว่าสรุปแล้วเงินกับทองของเจ้าอาวาสฯ หายจริงหรือไม่ พระนิทัศน์ยืนยันว่า "ไม่หาย มันคงไม่หาย" พร้อมยอมรับว่าตนเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับเจ้าอาวาสฯ เลยนำข้อมูลมาให้ตำรวจในวันนี้ ส่วนรายละเอียดหลังจากสอบปากคำ จะออกมาพูดอีกครั้ง
ด้านหลวงพี่หนุ่มที่เดินทางมาเพื่อนพระนิทัศน์ และเคยเป็นเลขาฯ ของเจ้าอาวาสฯ เผยว่า หลักฐานที่นำมาเป็นเพียงคำพูด เพราะเมื่อก่อนไม่มีกล้อง ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐาน ซึ่งก็ต้องให้ตำรวจพิจารณา ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องรายได้ ส่วนตัวไม่ได้สนิทกับเจ้าอาวาสฯ และไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ยอมรับว่าเคยหาผลประโยชน์ให้กับท่านเจ้าอาวาสฯ มาก่อน
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า วันนี้พระนิทัศน์เป็นคนขอเข้ามาพบตำรวจเอง แต่จะเป็นหลักฐานลับสุดยอดหรือไม่ ยังไม่ได้เห็นพยานหลักฐานดังกล่าว แต่หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ขอเข้าไปคุยกับพระนิทัศน์ก่อน
ต่อมา เวลา 12.30 น. พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยภายหลังสอบปากคำพระนิทัศน์ ประเสริฐ อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับเจ้าคุณณรงค์ เจ้าอาวาสวัดม่วง ไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ว่า ข้อมูลที่พระทั้ง 2 รูปให้มาถือว่าเป็นประโยชน์ มีข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินภายในวัด แหล่งที่มาของรายได้ รวมถึงเงินหมุนเวียนภายในวัดว่าจำนวนเท่าใด ซึ่งอยู่ที่ประมาณเดือนละหลักแสนถึงหลักล้านบาท
โดยเจ้าอาวาสจะเป็นคนบริหารจัดการเงินทั้งหมดเพียงผู้เดียว โดยช่วงแรกในการพัฒนาวัด ก็ยังไม่ได้มีไวยาวัจกรหรือกรรมการวัด เพิ่งมาเริ่มมีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และแม้จะมีแม้แต่ไวยาวัจกรหรือพระเลขา ก็ไม่มีอำนาจจัดการเรื่องเงิน จึงไม่มีใครทราบว่าเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้ในเรื่องใดบ้าง
ดังนั้นหลังจากนี้ตำรวจจะต้องไปตรวจสอบข้อมูล รื้อรายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลังทั้งหมด เพื่อขยายผลว่าที่มาของเงินวัดมาจากแหล่งใด ทั้งเงินบริจาค เงินทำบุญถวายสังฆทาน เงินกฐิน เงินฌาปนกิจ เงินค่าทำประโยชน์จากที่ดินรอบวัด ค่าเช่าที่ต่าง ๆ และตอนนี้เงินวัดทั้งหมดไปอยู่ที่ไหน
ซึ่งจะนำประเด็นการสอบปากคำพระนิทัศน์ และอดีตพระเลขาเจ้าอาวาส ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าอาวาสวัดม่วง ในการเข้าตรวจค้นช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อให้มีความชัดเจนเรื่องเงินวัด รวมถึงนายเบียร์และนายเดี่ยว คนขับรถเจ้าอาวาส ที่เป็นคนเก็บผลประโยชน์ต่าง ๆ และนำเงินส่งมอบให้เจ้าอาวาส ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำ เช่นเดียวกับผู้รับเหมาที่รับก่อสร้างบูรณะวัดม่วงด้วย ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตำรวจจะมุ่งเน้นการหาที่มาเงิน 20 กว่าล้านของเจ้าอาวาส ส่วนความขัดแย้งต่าง ๆ ตำรวจแค่รับฟังเท่านั้น และจะรับฟังเจ้าอาวาสด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย จากข้อมูลที่ได้รับทราบว่าในวัดมีพระประมาณ 50 รูป แบ่งเป็นพระไทยประมาณ 30 รูป และพระต่างชาติอีก 20 รูป ซึ่งทุกรูปจะต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเอง ทางวัดไม่ได้ดูแลค่าใช้จ่ายให้
...
ดังนั้นก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าเงินค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปไหน อยู่กับไวยาวัจกรหรือเจ้าอาวาส หรือให้ธนาคารมารับไป อีกทั้งวัดนี้แม้จะมีคนมาทำบุญไม่เยอะ แต่ก็มีรายได้จากหลาย ๆ ส่วนเข้ามา และจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับเงินที่วัดทุก ๆ สัปดาห์
ส่วนข้อมูลเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการพนันหรือสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจยังไม่พบ ส่วนเรื่องที่พระนิทัศน์อ้างว่าเจ้าอาวาสใช้เงินซื้อตำแหน่งสงฆ์นั้น ตำรวจก็รับฟังและต้องนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมให้แน่ชัดก่อนว่าเส้นทางการเงินของวัดเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง แล้วจึงจะสามารถขยายผลไปถึงพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ขายตำแหน่งหรือรับผลประโยชน์ได้