“สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง แจ้งความดำเนินคดี “สมเด็จฮุน เซน” ปมคลิปเสียงคุยนายกฯ ชี้ เป็นภัยความมั่นคง สร้างความแตกแยกให้คนไทย ด้าน ผบช.ไซเบอร์ ยันกฎหมายไทยเอาผิดได้ ส่วนจะได้ตัวหรือไม่นั้น ไม่อยากให้คาดการณ์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา กรณีคลิปเสียงการสนทนาส่วนตัวทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีหลุดว่อนโซเชียล โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง

ภายหลังเสร็จสิ้น นายสมคิด เผยว่า ในฐานะประชาชนคนไทย และเป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ซึ่งตนแยกไม่ออกว่ามาในฐานะอะไร แต่มาแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุน เซน ที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาจากฝั่งของเขา ซึ่งเป็นการสนทนากับนายกฯ ไทยที่มีความยาวกว่า 17.06 นาที จนสร้างความแตกแยกให้กับประชาชนประเทศไทย จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับภัยความมั่นคง ซึ่งการแจ้งความครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแก้เกี้ยวให้กับนายกฯ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือมีการหวังจะนำผลการแจ้งความไปใช้เป็นประโยชน์ในอนาคต โดยปัจจุบันตนเองยังไม่ได้เรียนให้นายกฯ ทราบว่าจะมาแจ้งความ มีเพียงปรึกษากับคนใกล้ชิดเท่านั้น แต่มีข่าวออกไปแล้ว จึงไม่ทราบว่านายกฯ ทราบหรือยัง

...

ส่วนตัวมองว่าการที่คลิปเสียงหลุดสมเด็จฮุน เซน ได้ประโยชน์ สร้างความได้เปรียบทางการเมืองของตัวเอง โดยการเอาดีและเหยียบหัวคนอื่น ส่วนนายกฯ ไทยเป็นผู้ถูกกระทำ ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านายกฯ อ่อนข้อต่อกัมพูชา ซึ่งทำให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียงของประเทศไทย ผิดมารยาทการทูต หลายประเทศเขาไม่ทำกัน จึงต้องการใช้กฎหมายไทยในการดำเนินคดี นายสมคิดกล่าว

ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า จากการสอบปากคำไปเบื้องต้น ยืนยันว่าในข้อกฎหมายสามารถเอาผิดได้ ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะเกิดขึ้นในหรือนอกราชอาณาจักร รวมทั้งเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม หากมีการทำลายความมั่นคงส่งผลกระทบในราชอาณาจักร ก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ อย่างกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำความผิดอยู่ต่างประเทศ หรือยูทูบเบอร์กัมพูชา 2 ราย ที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ ก็สามารถดำเนินคดีได้

ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไป ตำรวจจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และสืบค้นว่าแหล่งที่มาของต้นโพสต์อยู่ที่ใด และหากพบว่าอยู่ต่างประเทศก็สามารถหารือกับอัยการสูงสุด และประสานไปยังสถานทูตประเทศนั้นๆ เพื่อให้ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางของผู้ที่ถูกออกหมายจับ สำหรับกรณีบุคคลที่ทำความผิดนั้นไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนจะได้ตัวหรือไม่นั้น ไม่อยากให้คาดการณ์ ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน แต่หากผู้ต้องหารายนั้นถูกออกหมายจับ จะต้องประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เฝ้าระวังกับบุคคลดังกล่าว หากพบว่าเดินทางเข้ามาไทยก็สามารถจับกุมได้ ผบช.สอท.กล่าว

...

ส่วนกรณีมีคลิปเสียงคล้ายสมเด็จฮุน เซน คุยกับนายฮวด เผยแพร่ในลักษณะสั่งการให้นายฮวด ประสานกับตำรวจไทยในการจับเป็นหรือตาย กับบุคคลในไทยที่เห็นต่างกับรัฐบาลฮุน เซน ถือว่าเป็นการหยามเกียรติตำรวจไทยหรือไม่ ส่วนตัวยืนยัน ตำรวจไทยมีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถครอบงำได้ ซึ่งตำรวจจะจับใครก็ต้องจับกุมภายใต้กฎหมายไทย ไม่มีผู้ใดชี้นำได้ ส่วนที่มองว่ามีคดีค้างเก่าที่ สน.ชนะสงคราม เกี่ยวกับเรื่องภายในกัมพูชา โดยใช้ไทยเป็นพื้นที่ในการสังหาร แล้วผู้ต้องหากัมพูชาหลบหนีกลับไปยังประเทศ ขณะนี้ทราบว่าผู้ต้องหาถูกออกหมายจับไว้แล้ว อยู่ระหว่างกองการต่างประเทศใช้กลไกของเรื่องสนธิสัญญา ส่งผู้ร้ายข้ามแดน