รวบโจรงัดตำหนักฤาษีแถบชานเมืองอุดรธานี ลักองค์รูปหล่อทองเหลืองพระแม่อุมาเทวี มูลค่า 5 แสนบาท และสิ่งของมีค่าในสำนักอีกหลายรายการ รวม 7.5 แสนบาท ผวาได้ยินเสียงร่างทรงฤาษีขู่อาฆาตผ่านโทรศัพท์ สำนึกผิดกลัวถูกตามหักคอ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. 68 ร.ต.อ.นิติพันธ์ สุภะดี รอง สว.สส. สภ.ย่อยห้วยหลวง ร.ต.ท.ธวัช บุตรแสนลี รอง สว.สส. สภ.ย่อยห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายกร อายุ 22 ปี ชาวหมู่ 9 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้ที่เถียงนาท้ายหมู่บ้าน หลังร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ไปก่อเหตุงัดตำหนักฤาษีในหมู่บ้านเดียวกัน ก่อนควบคุมตัวไปตรวจยึดของกลาง มีดดาบยาวพร้อมฝัก ยาวประมาณ 1 เมตร 1 เล่ม คอมพิวเตอร์แบบออลอินวัน 1 เครื่อง พระเครื่องและเครื่องรางของขลัง ประมาณ 20 องค์ สายไฟพ่วง และสายไฟอ่อน 1 ม้วน ซึ่งตามไปยึดได้จากบ้านเพื่อนที่ร่วมกันก่อเหตุ แต่ยังไม่พบตัวคนร้ายอีก 2 ราย

สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 14 มิ.ย. 68 ร.ต.ท.วรินทร โสตะวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่อยห้วยหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ปีนเข้าไปงัดบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 9 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี นายฐิติพงษ์ เจ้าของบ้าน เป็นผู้แจ้ง เบื้องต้นได้ประสานผู้เช่าบ้านให้มาตรวจสอบของมีค่าอยู่ในบ้าน เนื่องจากผู้เช่าไม่ได้อยู่บ้านหลายวัน และไม่มีคนคอยเฝ้าดูแลบ้าน

...

จากการตรวจทรัพย์สินที่หายไป ประกอบด้วย องค์รูปหล่อพระแม่อุมาเทวีทองเหลือง นำเข้าจากอินเดียราคา 5 แสนบาท มีดดาบพร้อมฝัก 6,800 บาท กีต้าร์ไฟฟ้า 18,000 บาท แอมป์กีต้าร์ 3,500 บาท กีต้าร์โปร่ง 1 ตัว 2,890 บาท คอมพิวเตอร์ 1 ตัว 19,000 บาท รถจักรยานยนต์ 1 คัน 40,000 บาท เครื่องซักผ้า 1 เครื่อง 19,000 บาท พัดลม 3 ตัว 1,800 บาท จักรยาน 1 คัน 8,000 บาท ถังแก๊ส 1 ถัง 3,000 บาท ไมโครเวฟ 1 ตัว 9,900 บาท ลำโพง 1 ตัว 3,990 บาท โคมไฟ 2 ตัว 3,000 บาท ตุ๊กตาและเครื่องนอน 7,000 บาท เครื่องครัว 5,000 บาท พระเครื่องไม่ทราบจำนวน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 754,000 บาท

หลังรับแจ้งตำรวจชุดสืบสวน ได้ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุและหลบหนี จนทราบว่ามีคนร้ายประมาณ 3-4 คน ผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปก่อเหตุทั้งหมด 3 ครั้ง จนทราบรูปพรรณสัณฐานคนร้าย จึงทราบว่าเป็นเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านที่มีประวัติ กระทั่งไปติดตามจับกุมตัวนายกร ได้ดังกล่าว จึงนำตัวมาทำการชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ โดยมีนางแก้วตา หรือแดง อายุ 48 ปี ผู้ดูแลบ้าน นำตำรวจชี้จุดต่างๆ ในบ้าน

บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 1 งาน ไม่มีกล้องวงจรปิด เปิดเป็นตำหนักฤาษีเสริมดวงชะตา ห้องโถงจัดตั้งปะรำพิธี จัดตั้งรูปหล่อ รูปปั้น องค์เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ คนร้ายปีนรั้วเข้ามาจากทางหน้าบ้าน แล้วเดินไปหลังบ้าน งัดประตูหลังบ้านเข้าไปทยอยนำของมีค่าออกไป จนกระทั่งเจ้าของบ้านมาพบสิ่งผิดปกติ จึงโทรแจ้งผู้เช่า ก่อนไปแจ้งความ

ระหว่างนำคนร้ายชี้จุด หญิงสาวที่เป็นเจ้าตำหนัก ได้โทรศัพท์หานางแก้วตา ก่อนเข้าทรงเป็นฤาษี บอกว่า "มีคนร้าย 4 คน ได้ตัวแล้วทำไมไม่เอาตัวมา ปล่อยไปทำไม พวกมันต้องพบกับความฉิบหาย พวกมันเป็นคนชั่ว คนเลว จับได้หมดแน่นอน ไม่ให้อภัย พวกมันต้องได้รับกรรม" จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามดังผ่านโทรศัพท์

นายกร รับสารภาพว่า ตนถูกเพื่อนชักชวนมาก่อเหตุงัดบ้าน เข้ามาลักของทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 4 มิ.ย. ตนได้คอมพิวเตอร์ ครั้งที่สองวันที่ 5 มิ.ย.ได้พระเครื่อง ครั้งที่ 3 วันที่ 8 มิ.ย. ตนได้เศษทองแดง และเพื่อนแบ่งเงินให้อีก 300 บาท ของอื่นๆ หรือองค์พระต่างๆ ตนไม่ได้เอาไป เพื่อนตนเป็นเอาไป ตนก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตนจะเข้ามาลักของประมาณ 3-4 ทุ่ม เพื่อนๆ จะเข้ามาอีกตอนไหนตนไม่รู้ และของที่ได้มาตนก็เอาไปขายเพื่อใช้จ่าย และซื้อยาบ้าเสพ และเพิ่งเสพมา 2 เม็ด รู้ว่าเป็นสำนักทรง ตนก็กลัวบาปเหมือนกัน อยากจะขอโทษเจ้าสำนัก ตอนนี้กลัวแล้ว กลัวว่าฤาษีจะตามมาหักคอ

ด้านนางแก้วตา ผู้ดูแลบ้าน เล่าว่า ที่นี่เปิดเป็นตำหนัก “ฤาษีไกรกรุศิศาสตรา ตราราม” เจ้าตำหนักเป็นผู้หญิง อายุ 41 ปี ตนเรียกว่าพระนาง ตนได้ขอเป็นลูกศิษย์ได้ประมาณ 1 ปีกว่า พระนางช่วยเหลือตนหลายอย่าง ตนเป็นคนมีกรรมเยอะ ไม่เคยมีความสุข พระนางช่วยตนพ้นจากทุกข์เรื่องครอบครัว ตนจึงศรัทธา แล้วรับหน้าที่มาคอยดูแลตำหนักให้ ตำหนักว่างเว้นไปหลายสัปดาห์แล้ว เนื่องจากพระนางไม่ว่าง ต้องดูแลลูกสาวไปเรียนต่อ และเอาแมวไปฝากญาติเลี้ยงไว้ก่อน พระนางอยู่ที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เมื่อเจ้าของบ้านเช่าโทรมาบอก ตนก็รีบมาดูตำหนักให้พระนาง

...

"ตนเชื่อและศรัทธาพระนาง เคยเห็นพระนางเข้าทรงพระฤาษี ตนเชื่อว่าที่ตำหนักมีองค์เทพคอยดูแล เชื่อว่าจะต้องจับคนร้ายได้ทั้งหมด เพราะพระนางบอกแล้วว่าคนร้ายอยู่ไหน ของที่หายไปอยู่ไหน คนร้ายเป็นคนในหมู่บ้าน มีบ้านอยู่ใกล้กับตำหนัก ส่วนที่คนร้ายบอกกลัวว่าจะถูกตามมาหักคอ ตนก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ เพราะพระนางบอกผ่านโทรศัพท์ว่า ไม่ยอมให้อภัย คนร้ายจะมาจุดธูปขอขมาก็ไม่รับ จะมายกมือไหว้เฉยๆ ก็ไม่ให้อภัย"

ซึ่งตำรวจจะได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือ ตามคำให้การซัดทอดของนายกร ซึ่งก็พบว่าน่าจะเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ เนื่องจากของกลางบางส่วนที่ยึดได้ ก็ตามไปยึดมาจากผู้ต้องหา 2 ราย ที่นายกรกล่าวอ้าง เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหานายกร "บุกรุกเคหสถานในยามวิกาล และร่วมกันลักทรัพย์" และจะติดตามของกลางที่หายไปกลับคืนมาให้ผู้เสียหาย รวมทั้งติดตามคนร้ายที่เหลือมาดำเนินการตามกฎหมาย คาดว่าจะได้ตัวทั้งหมดในไม่ช้านี้.