ผู้เสียหายกว่า 50 คน แจ้งความตำรวจไซเบอร์ แก๊งบาทหลวงหลอกจะพาไปทำงานเกาหลีใต้ เสียเงินคนละ 6.3 หมื่น สุดท้ายฝันสลาย อ้างสารพัดเหตุผลที่ยังพาไปไม่ได้

วันที่ 12 มิ.ย. 68 กลุ่มผู้เสียหายจากจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่กว่า 50 คน รวมตัวกันนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 หรือ บก.สอท.4 จ.เชียงใหม่ หลังถูกแก๊งบาทหลวง ที่มีพฤติกรรมเป็นนายหน้าเถื่อนหลอกลวงทางออนไลน์ อ้างพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย สุดท้ายจ่ายเงินไปคนละหลายหมื่นบาทแต่ไม่มีใครได้เดินทางแม้แต่คนเดียว ผู้เสียหายเดือดร้อนหนักไม่ได้บินแถมยังต้องแบกหนี้ที่กู้มาจ่ายให้

นายวุฒิชัย ดรุณถาวร ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2566 มีบาทหลวงที่เป็นคนไทยอายุประมาณ 35 ปี โพสต์เชิญชวนในเฟซบุ๊กอ้างพาคนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างว่าหลายปีก่อนหน้าเคยไปเรียนศาสนาและเรียนภาษาที่เกาหลีใต้ ก่อนจะกลับมาทำงานที่โบสถ์คริสต์ในจังหวัดเชียงราย อ้างรู้จักกับคนในกระทรวงแรงงานของไทยและผู้บริหารในนิคมอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ สามารถช่วยให้เข้าทำงานได้อย่างถูกกฎหมายด้วยวีซ่า E-9

ด้วยความที่เป็นบาทหลวงทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากที่เกือบทั้งหมดเป็นศิษยานุศิษย์หลงเชื่อ พากันติดต่อสอบถามหวังเดินทางไปทำงานหาเงิน จากนั้นบาทหลวงจะไปพบและพูดคุยด้วยตัวเอง ก่อนจะดึงเข้าไลน์กลุ่มที่จะมีแอดมินเข้ามาให้รายละเอียด โดยแอดมินระบุค่าดำเนินการทั้งหมด เป็นเงิน 63,000 แบ่งเป็นค่าแปลเอกสารและเดินเรื่องทำวีซ่า 23,000 บาท ส่วนอีก 40,000 บาท เป็นเงินประกันการทำงาน จะได้คืนเมื่อทำงานครบ 1 ปี ขณะที่วีซ่าสามารถทำงานในเกาหลีใต้ได้ 3 ปี และต่ออายุได้อีก 1 ปี พร้อมการันตีรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 55,000 บาท

...

ทั้งนี้ ผู้เสียหายทั้งหมดต่างหลงเชื่อเพราะไม่คิดว่าบาทหลวงจะหลอกลวง พากันโอนเงินให้บาทหลวงคนละ 10,000 บาท เป็นค่าจองสิทธิ์ ส่วนที่เหลือโอนเข้าบัญชีแอดมิน แอดมินบอกใช้เวลาเดินเรื่องและจะได้บินไปเกาหลีใต้อีกประมาณ 4 – 6 เดือนให้หลัง แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้เดินทางไปจริง เมื่อสอบถามทางแอดมินจะอ้างว่าเอกสารมีปัญหา มีการตรวจสอบภายในการทุจริตในกระทรวงแรงงาน ทำให้การอนุมัติล่าช้าและขอเลื่อนการเดินทางไปอีก 3-4 เดือน กระทั่งเดือนมกราคม 2568 บาทหลวงคนดังกล่าวได้เสียชีวิตลง จากนั้นแอดมินก็ออกจากกลุ่มและหายตัวไป

นายวุฒิชัย บอกว่า การหลอกลวงทำเป็นขบวนการ มีบาทหลวงและภรรยาทำหน้าที่ชักชวนหาคน โดยอาศัยความน่าเชื่อถือและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้เสียหายที่เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ส่วนแอดมินที่เป็นสองสามีภรรยาทำหน้าที่หลอกลวงในการให้ข้อมูล โดยบาทหลวงจะได้เงินส่วนแบ่งรายละประมาณ 10,000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นของทีมแอดมินที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อนหนัก เพราะส่วนใหญ่กู้เงินมาจ่าย ด้วยความหวังจะมีงานมีรายได้มาส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง เมื่อมาโดนหลอกลวงก็ต้องแบกหนี้สิน หลายคนโดนเจ้าหนี้ตามทวงจนเครียดหนัก กลุ่มผู้เสียหายเท่าที่รวบรวมกันได้ล่าสุดมีประมาณ 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท และเชื่อว่าจะยังมีอีกหลายคนที่ตัดใจไม่แจ้งความเพราะไม่อยากเสียเวลาและทำใจแล้วว่าคงไม่ได้เงินคืน

ด้าน พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 กล่าวว่า จากการสอบปากคำและข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นพบเป็นการฉ้อโกงประชาชนโดยการหลอกลวงให้ไปทำงานต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ หลังจากนี้จะสอบปากคำผู้เสียหาย อายัดบัญชีของผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง และ สืบสวนขยายผลไปถึงผู้ทีร่วมขบวนการทั้งหมด โดยล่าสุดพบว่าผู้กระทำผิดยังอยู่ในประเทศไทย ยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์จะเร่งรัดดำเนินคดีเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด