ตำรวจ ป.ป.ป., ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ร่วมประชุมวางแนวทางตรวจสอบที่มาเงิน 12 ล้าน เตรียมประสานตำรวจท้องที่ เร่งพิสูจน์ที่มาของเงิน ตั้งข้อสังเกตไม่ได้มีแค่ 12 ล้าน

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 9 มิ.ย.68 ที่ห้องประชุม กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ป.ป.ป. นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และ น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมติดตามที่มาของเงิน 12 ล้านบาท ใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น

นายสุขสันต์ เปิดเผยว่า ป.ป.ช. จะแบ่งการตรวจสอบเรื่องนี้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เพื่อให้มีมติในการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของภรรยานายทวีวัฒน์ เนื่องจากตัวภรรยามีตำแหน่งเป็น ผอ. ในหน่วยงาน ป.ป.ช. ตามปกติจะต้องยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งของตัวเองและคู่สมรสและครอบครัวทุก 3 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 คาดว่าการเสนอเรื่องนี้จะมีมติภายใน 1-2 วันนี้ หากพบว่ามีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินจะมีโทษทางอาญาและทางวินัย

...

นายสุขสันต์ กล่าวต่อว่า อีกส่วนที่ ป.ป.ช. จะต้องร่วมในการตรวจสอบ คือที่มาที่ไปของเงิน โดยหน่วยงาน 3 ป. (ป.ป.ป., ป.ป.ช., และ ป.ป.ท.) จะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่พิสูจน์ทราบก่อนว่าเงินดังกล่าวเป็นของผู้ใด มีที่มาที่ไปอย่างไร เบื้องต้นตำรวจพื้นที่มีการส่งหลักฐานไปที่กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว หากได้ข้อสรุปเรื่องเงินแล้ว จึงจะนำมาสู่อำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน 3 ป. ที่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไรและได้มาจากอาชีพสุจริตหรือไม่ หากเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขณะนี้ยังต้องรอผลสอบของตำรวจในพื้นที่ก่อน โดยตอนนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ถูกส่งมาที่หน่วยงาน 3 ป. แต่ตำรวจในพื้นที่ยังคงมีเวลาในการสอบสวนอยู่

ขณะที่ พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ หน่วยงาน 3 ป. จะไปประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เนื่องจาก สภ.ปากเกร็ด เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ สามารถกำหนดการวางแนวทางการสอบสวนต่อไปได้

ขณะที่ น.ส.อรณิช ยังตั้งข้อสังเกตว่าเส้นทางการเงินไม่ได้มีแค่ 12 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจะต้องร่วมประชุมกับตำรวจพื้นที่อีกครั้ง