รอง ผบช.ภ.1 เผยตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบหาบุคคลที่เป็นเจ้าของเงินสด 12 ล้าน หรือผู้ที่นำกล่องพลาสติกบรรจุเงินมาวาง เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเงินทั้งหมดมีที่มาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
จากกรณีที่มีพลเมืองดีพบธนบัตรจำนวน 12 ล้านบาทบรรจุอยู่ภายในกล่องพลาสติกสีเทาขนาดใหญ่ วางทิ้งไว้บริเวณข้างถังขยะใกล้ลิฟต์ ภายในคอนโดมิเนียมเมืองทองธานี ชั้น 4 อาคาร พี 2 โซนซี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยไม่พบเจ้าของเงิน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อประมาณเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งจากผู้ที่พักอาศัยของอาคารดังกล่าว ว่าไปพบเงินจำนวนมากถูกมาวางทิ้งไว้ข้างถังขยะ จากการตรวจสอบพบว่ามีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท มีสายรัดระบุชื่อธนาคารกสิกรไทย ถูกมัดรวมกันเป็นมัดใหญ่ มัดละ 1 ล้านบาท จำนวน 10 มัด และธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท มีสายรัดของธนาคารเดียวกันปึกละ 1 แสนบาทอีก 20 ปึก รวมเงินทั้งหมด จำนวน 12 ล้านบาท ใส่อยู่ในกล่องพลาสติกสีเทาขนาดใหญ่

...
โดยมีเสื้อผ้าแบบกีฬาของผู้ชายจำนวนหนึ่งวางปิดทับกองเงิน โดยมีฝาปิดมิดชิด อีกทั้งข้างกล่องพลาสติกที่ใส่เงินดังกล่าว พบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อบุคคลในเอกสาร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนดังกล่าวที่พบหรือไม่

ขณะที่ พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ในฐานะรับผิดชอบด้านงานสืบสวน เผยว่าสำหรับในเรื่องนี้ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ให้ดำเนินการตรวจสอบหาบุคคลที่เป็นเจ้าของเงินหรือผู้ที่นำกล่องพลาสติกบรรจุเงินมาวางไว้ที่จุดดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเงินจำนวนทั้งหมดนับสิบล้านบาทนั้นมีที่มาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมทีมชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว พร้อมประสานให้ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.นนทบุรี ทำการตรวจดีเอ็นเอเสื้อผ้าที่พบในกล่องพลาสติก รวมทั้งลายนิ้วมือที่กล่องพลาสติกบรรจุเงินไว้เป็นหลักฐานแล้ว อีกทั้งให้ตรวจสอบกับทางธนาคารที่เบิกจ่ายเงินจำนวนนี้ เนื่องจากพบข้อมูลที่สายรัด ระบุว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563 ในการสืบหาเจ้าของเงิน