ตำรวจไซเบอร์ บุกรวบหนุ่มโพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้า ยอมรับปล่อยเงินกู้นอกระบบด้วย ที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าเพราะทำกำไรดี ราคาต่อชิ้นฟันกำไร 3-5 เท่าตัว สร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละหลายหมื่นบาท

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 พ.ต.ท.จิรวัฒน์ บุรีงาม รอง ผกก.4 บก.สอท.2 พ.ต.ท.เอกรินทร์ สนนาค รอง ผกก.4 บก.สอท.2 พ.ต.ท.มนัส นิลกรรณ์ สว.กก.4 บก.สอท.2 นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 373/2568 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เข้าจับกุมนายพิพัฒน์ พึ่งบุญ อายุ 22 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 33 ชิ้น บุหรี่ต่างประเทศหลายยี่ห้อรวม 870 ซอง รวมมูลค่าสินค้าที่ตรวจยึดกว่า 6 หมื่นบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่เร่งรัดสั่งการให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มและปราบปรามการจำหน่ายนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวด พื้นที่ใกล้โรงเรียน-สถานศึกษาต้องไม่มีการขายให้เยาวชนและบุคคลทั่วไป ซึ่งพบว่ายังมีผู้ฝ่าฝืนลักลอบขายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทางตำรวจไซเบอร์จึงได้สืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบร้านค้าและผ่านทางช่องทางออนไลน์

โดยตำรวจชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท. 2 ตรวจสอบพบเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “Jo pipat” มีการโพสต์จำหน่ายสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ส่วนควบ อาทิ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า, พอต และบุหรี่ต่างประเทศหลากหลายยี่ห้อ โดยผิดกฎหมาย จึงทำการสืบสวนหาเบาะแสจนทราบว่านายพิพัฒน์เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้นและเข้าจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลางทั้งหมด

...

นอกจากนี้จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือยังพบข้อมูลว่านายพิพัฒน์ มีการแชทสนทนากับกลุ่มลูกค้า ในการลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบในวงเงิน 300 - 3,000 บาทต่อครั้ง โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน หรือร้อยละ 600 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

จากการสอบสวนนายพิพัฒน์ ให้การยอมรับว่าได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ต่างประเทศ พร้อมทั้งปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับกลุ่มวัยรุ่นมานานราว 3 เดือน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่ต้องการของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งหาซื้อยากและมีราคาแพงในท้องตลาด จึงแอบลักลอบนำมาขาย เพราะทำกำไรดี ราคาต่อชิ้นสามารถทำกำไรได้เกินกว่าต้นทุน 3-5 เท่าตัว สร้างรายได้ให้เฉลี่ยเดือนละหลายหมื่นบาท

โดยตำรวจได้แจ้งกระทำผิดฐาน “1.ขายสินค้าที่คณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยของสินค้าและบริการห้ามขาย เพราะสินค้านั้นเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค (อันเป็นความผิดตามคำสั่งที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า), รับไว้โดยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ, รับไว้โดยประการใด ซึ่งของที่มิได้ผ่านพิธีทางศุลกากร 2.ครอบครองซึ่งสินค้า (บุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศ) ที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี ม.165 ประกอบ สรรพสามิต และหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า (บุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในต่างประเทศ) ที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี ม.203 พ.ร.บ.สรรพสามิต 3.ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเกินกว่าอัตรากฎหมายกำหนด ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปู ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป