ผบ.ตร. แต่งตั้ง "พล.ต.อ.ธนายุตม์" เป็นหัวหน้าทีมคดี "สจ.กอล์ฟ" รุมทำร้ายร่างกาย "ดาบตำรวจ" คาหน่วยเลือกตั้ง พร้อมลุยเอาผิดทุกเม็ด รายงานคืบหน้าทุกระยะ
วันที่ 24 พ.ค. 2568 มีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 287 / 2568 คำสั่งดังกล่าวระบุว่า เรื่องแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนด้วยเมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายสิรดนัย พลายด้วงหรือกอล์ฟ กับพวกรวม 7 คน ผู้ต้องหาสมคบและร่วมกันทำร้ายร่างกาย ดาบตำรวจ นิสาธิต คงเทพ บังคับหมู่ ป้องกันปราบปราม ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งท้องถิ่นเทศบาลตำบลพะวง ประจำที่เลือกตั้งหน่วยเลือกตั้งที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 1 ตั้งอยู่ที่ใต้อาคาร 2 ภายในโรงเรียนนวมินทราชูทิศทักษิณ หมู่ที่ 2 ต.พะวง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 51 ความผิดฐาน "ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เพราะเหตุที่หรือได้กระทำตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ใช้อาวุธ และร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป และเป็นซ่องโจร"
ต่อมา ผบ.ตร. มีบันทึกสั่งการลงวันที่ 15 พ.ค.อนุญาตให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีอาญาให้บก.ป สอบสวนฝ่ายเดียวเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีถูกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ เป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจประกอบกับผู้ต้องหาเป็นผู้อิทธิพลในพื้นที่และมีลักษณะเป็นการก่ออาชญากรรมในรูปของขบวนการ หรือกลุ่มบุคคล ก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนพื้นที่อย่างร้ายแรง และมีพยานหลักฐานที่จะต้องรวบรวมเป็นจำนวนมาก
...
ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนพยานหลักฐาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดความเป็นธรรมอาศัยมาตรา 63(4) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 19/2556 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2556 เรื่อง การอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญาการสืบสวนสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัด การสอบสวนคดีอาญา บทที่ 4 ข้อ แต่งตั้งงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรับผิดชอบทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 5/2568 ของ กองบังคับการปราบปราม รวมทั้งคดีอื่นที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกันที่หากทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ หัวหน้าและรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้
พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน
พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. เป็นผู้ช่วยเลขา
พร้อมด้วยรายชื่อพนักงานสอบสวน ปรากฏตาม ผนวก ก แนบท้ายคำสั่งรายชื่อพนักงานสืบสวน ปรากฏตาม ผนวก 4 แนบท้ายคำสั่งให้หัวหน้า รองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนและพนักงานสอบสวนตาม ผนวก ก มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในความผิดดังกล่าว รวมทั้งคดีอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีผู้อื่นร่วมกระทำความผิด หรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกัน ก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้น ๆ แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
กำหนดแนวทางการสอบสวนให้ครอบคลุม ครบถ้วน ตามพฤติการณ์แห่งคดีและองค์ประกอบความผิด เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ผู้ใช้ ตัวการ และผู้สนับสนุน ในการกระทำความผิดให้ครบถ้วนให้หัวหน้า รองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และพนักงานสืบสวนมีอำนาจหน้าที่ทำการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อทราบรายละเอียดแห่งความผิดของบุคคล กลุ่มบุคคล และเครือข่ายอาชญากรรมในกรณีดังกล่าว ขอข้อมูล เอกสาร จากบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบการสืบสวน นำพยานหลักฐานที่ได้จากการสืบสวน สนับสนุนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ รายงานผลการดำเนินการให้ผบ.ตร. ทราบทุกระยะ
คำสั่งนี้เป็นการมอบหมายอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ ซึ่งข้าราชการตำรวจยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการในหน่วยงานของตนโดยมีหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งนี้ เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล และบริหารจัดการ การปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งของข้าราชการตำรวจดังกล่าวทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 22 พ.ค. 2568.