"บิ๊กเต่า" นำทีมแถลงคดีอดีตเจ้าอาวาสแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิง เปิดคลิปเสียงสีกาเก็นไถเงิน จนทิดแย้มโอดว่าหมดตัวแล้ว ยันเจ้าตัวรู้เอาไปเล่นพนัน แฉเส้นเงินหมุนเวียนสีกาเก็น 8 บัญชี บัญชีกว่า 2 พันล้าน ส่วนหมอเตยกับสามี เผ่นออกจากวัดแล้ว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. นายบุญเชิด กิตติธรางกูล รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายคณพศ หงสาวรางกูล ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตภ.3) นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย รองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า 7 วันที่ผ่านมาสำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลรายละเอียดมาได้เพิ่มเติม ขณะนี้มุ่งเน้นไปที่การหยุดยั้งการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัด โดยจะต้องแยกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบุคคล ไม่ใช่ส่วนรวม ซึ่งการสืบสวนมีทั้งการส่งคนไปสอดแนมเก็บข้อมูลรวบรวมหลักฐาน และการสืบสวนทางเทคโนโลยี จนสามารถได้ข้อมูลมา

พ.ต.อ.ภัทราวุธ กล่าวถึงที่ไปที่มาของคดีดังกล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าวเข้ามา ทางผู้บังคับบัญชา จึงสั่งการให้ กก.5 บก.ป. เร่งตรวจสอบ พร้อมกำชับว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ามีความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีมูลต้องชี้แจงให้เกิดความเป็นธรรม โดยไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายใคร ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่เพียง 6 นาย แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ชุดวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน เนื่องจากลักษณะคดีเกี่ยวข้องกับการเงิน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด ทั้งบัญชีวัด การใช้จ่าย และการโยกย้ายเงินต่าง ๆ เพื่อหาข้อพิรุธ

...

2. ชุดลงพื้นที่สืบสวนภาคสนามโดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ภายในวัด เพื่อรวบรวมข้อมูล สืบหาผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบพฤติกรรม ตลอดจนความเชื่อมโยงของบุคคลต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการใช้เงินวัดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยหลังจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พบว่ามีความน่าเชื่อถือว่า อดีตเจ้าอาวาสมีการยักยอกเงินของวัดไปใช้ในทางส่วนตัว โดยมีทั้งการนำเงินไปให้บุคคลอื่นในวัดใช้ และนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเล่นการพนัน

ด้าน พ.ต.อ.จำนาญ ระบุว่า หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังตั้งแต่ปี 64 มีเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท

ขณะที่ นายสุทธิศักดิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ปปง. ต้องพิจารณาว่าการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในฐานใด โดยในกรณีนี้เจ้าอาวาสถือเป็น “เจ้าพนักงาน” ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว จะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน

นายสุทธิศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเข้าเกณฑ์ความผิดมูลฐานแล้ว หน้าที่ของ ปปง. คือการตรวจสอบทรัพย์สินและดำเนินการอายัดหรือยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง โดย ปปง. ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ บก.ปปป. และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รายชื่อผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ได้แก่ สมีแย้มและผู้มีความเกี่ยวพันอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีการตรวจพบธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากซึ่งมีความผิดปกติ จึงนำหลักฐานดังกล่าวส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนต่อ เพื่อหาว่าใครเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนี้บ้าง

ขณะนี้ ปปง. ได้เริ่มขยายผลการตรวจสอบเป็น 3 วงด้วยกัน ได้แก่ วงที่ 1 ผู้กระทำความผิดโดยตรง วงที่ 2 และ 3 ผู้ที่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ซึ่งอาจครอบคลุมถึงบุคคลภายนอกหรือเครือข่ายที่รับผลประโยชน์ โดยหน้าที่ของ ปปง. จะเน้นในด้านการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันทางการเงิน ที่มีการรายงานธุรกรรมเข้ามา

ขณะการแถลงข่าว ได้มีการเปิดไฟล์คลิปเสียงระหว่าง สมีแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หรือสีกาเก็น พูดคุยกัน โดยพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ในคลิปมีการพูดถึงเรื่องต้องโอนเงินเข้าระบบการเล่นการพนัน ที่ค้าง 4 งวด เป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นทางอดีตเจ้าอาวาส แย้มโอนเงินให้สีกาเก็น ไปเล่นการพนัน ส่วนการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ของนายแย้ม ยังไม่พบว่านายแย้มในการเล่นพนัน แต่ทำให้รู้ว่าอดีตเจ้าอาวาสแย้ม ทราบว่าเงินที่โอนไปให้สีกาเก็น เป็นการนำไปเล่นการพนัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ตามข้อมูล น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นเด็กข้างวัด เรียนอยู่ที่วัดไร่ขิง ตอนอยู่มัธยมต้นมาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัด หลังจากออกไปทำงานปรากฏว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ จึงไปขอร้องหยิบยืมเงินอดีตเจ้าอาวาสแย้ม เพราะเคยพูดว่าเป็นเด็กวัดไร่ขิง มีแหวนวัดไร่ขิง ถ้ามีปัญหาอะไรให้มาพบหลวงพ่อได้ น.ส.อรัญญาวรรณจึงมายืมเงินสมีแย้ม 50,000 - 60,000 บาท ด้านสมีแย้มได้ช่วยเหลือไป หลังจากนั้นเริ่มติดต่อพูดคุยกันทุกวัน และมีการโอนเงินให้เล็กๆ น้อยๆ และเริ่มมีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกัน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งถึงขั้นมีการพูดคุยโชว์หน้ากัน และเริ่มเซ็กส์โฟน จากนั้นเงินของวัดเริ่มไหลออกจากบัญชีวัดเรื่อยๆ

...

ทั้งนี้ในช่วงแรกยังยืนยันไม่ได้ว่าทิดแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ แต่ตรวจสอบได้ว่าช่วงที่เริ่มมีเงินไหลออกจากบัญชี มีการติดต่อสัมพันธ์พูดคุยกันในช่วงนั้น เป็นช่วงปี 63 - ปลายปี 67 (ช่วงหวาน ปี 63, ช่วงขมปลายปี 67) และในคลิปเสียงคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปี 67 ที่มีการโต้แย้งกันเรื่องของเงินที่จะไปเล่นการพนัน ทำให้สมีแย้มหมดทางที่จะไปต่อ เพราะเงินวัดร่อยหรอ และไม่รู้จะไปยืมเงินใคร จนต่อมาอีก 2 เดือน ประมาณเดือนธันวาคม 67 น.ส.อรัญญาวรรณ และสามี ถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมแล้ว ได้ไปขอความช่วยเหลือจากสมีแย้มอีกครั้ง โดยได้พูดว่าคลิปต่างๆ ที่มีอยู่รวมถึงคลิปเซ็กส์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ยึดไป เพื่อแบล็กเมล์สมีแย้มให้ช่วยเหลือ

ส่วนจะเข้าข่ายการรีดทรัพย์ทิดแย้มหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า เรื่องนี้มองเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือการทุจริต ส่วนเรื่องที่สองคืออุบายการแบล็กเมล์ อย่างไรก็ตามนายแย้มได้กระทำผิดสำเร็จแล้ว จึงยืนยันว่าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหลักฐาน

...

ขณะที่กรณีหมอเตยและสามีเป็นเรื่องที่ตรวจสอบรายละเอียดลึกลงไป พบว่าทั้งคู่เข้ามารู้จักกับเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 51 ทราบว่าหมอเตยเป็นหมอดูร่างทรงไม่ใช่หมอ และยังพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกับอดีตเจ้าอาวาสแย้มเป็นอย่างมากในการบริหารจัดการภายในวัด สำหรับสิ่งที่พบคือร้านค้าสวัสดิการในวัด มีคนมาร้องว่าไปซื้อกาแฟ แต่บัญชีสแกนจ่ายไม่ใช่ชื่อของวัดแต่เป็นชื่อของบุคคล เรื่องนี้จะต้องสืบสวนดำเนินการต่อ จากการสืบสวนเบื้องต้นข้อมูลที่ได้มาพบว่าหมอเตยเคยเขียนหนังสือความเชื่อมโยงการเกิดแก่เมื่อชาติปางก่อน อธิบายได้ว่า อดีตเจ้าอาวาสแย้มกับหมอเตยมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ซึ่งข้อมูลนี้เป็นการสอบถามข้อมูลจากคนใกล้ชิด แต่ยังหาพยานหลักฐานไม่ได้ว่า ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหรือไม่ โดยยังพบว่าในช่วงแรกสมีแย้มมีการดุด่าว่ากล่าวหมอเตย แต่ช่วงหลังมีการเปลี่ยนไปไม่ฟังเสียงคนอื่น นอกจากนี้ยังพบอีกว่าตั้งแต่ปี 51 มีผู้ชายรวม 5 คนเข้ามาเกี่ยวข้องกับหมอเตยอีกเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบตอนนี้ว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเรียกทั้ง 5 คนมาให้ปากคำ

พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบวงแรก เจอประมาณเกือบ 10 คนที่เกี่ยวข้องเป็นคนใกล้ชิดกับอดีตเจ้าอาวาสแย้ม รวมถึงน.ส.อรัญญาวรรณ และพระ