***ภาพจากแฟ้ม***

ศาลยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัว "เปรมชัย" นักธุรกิจดัง พร้อมพวก คดี ตึก สตง. ถล่ม คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 พ.ค. พ.ต.ท.อำนาจ นาควิจิตร พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ คุมตัว นายสุชาติ ชุติปภากร อายุ 64 ปี, นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี, นายธีระ วรรธนะทรัพย์ อายุ 59 ปี, นายสุพล อัครอารีสุข อายุ 51 ปี, นายชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์ อายุ 43 ปี, นายอภิชาต รักษา อายุ 38 ปี, นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 71 ปี, นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา อายุ 65 ปี, นายชวน หลิงจาง อายุ 42 ปี, นายอนุวัต คันสร อายุ 53 ปี, นายธิปัตย์ รัตนวงศา อายุ 42 ปี, นายปฏิวัติ ศิริไทย อายุ 53 ปี, นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก อายุ 51 ปี และนายสมชาย ทรัพย์เย็น อายุ 56 ปี มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16-27 พ.ค. 68 กรณีผู้ต้องหาทั้งหมดเกี่ยวพันกับการก่อสร้างอาคาร สตง. แห่งใหม่ ที่เกิดเหตุถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

คำร้องใจความว่า จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของคณะพนักงานสอบสวนพบว่า ในการออกแบบแปลนอาคารที่เกิดเหตุ ไม่เป็นไปตามหลักมาตรฐาน (ปรากฏตามผลการตรวจของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) การดำเนินการก่อสร้างก็พบว่ามีการใช้วัสดุที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ในแบบแปลน (ปรากฏตามผลการตรวจของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) ซึ่งการดำเนินการที่ต่ำกว่ามาตรฐานของผู้ดำเนินการก่อสร้างได้นั้นต้องเกิดจากการทำหน้าที่ของผู้ควบคุมงานที่ไม่ควบคุมดูแลการก่อสร้างให้เป็นไปตามแบบแปลน

โดยพบว่ามีการแอบอ้างชื่อบุคลากรผู้ควบคุมงานที่เป็นวิศวกร มาเป็นผู้ควบคุมงานโดยผู้นั้นมิได้มาทำหน้าที่ควบคุมงานจริง แม้ว่าเหตุปัจจัยเพียงเหตุเดียวอาจไม่เป็นเหตุให้อาคารที่เกิดเหตุพังถล่มได้ แต่เมื่อเหตุปัจจัยทั้งสามเหตุมารวมอยู่ในสถานการณ์เดียวกันในวันเกิดเหตุ จึงเป็นสาเหตุให้อาคารที่เกิดเหตุพังถล่มจนเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย รับอันตรายสาหัสและสูญหายจำนวนมาก

...

การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-11 เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227/23

ส่วนผู้ต้องหาที่ 12-14 เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบควบคุมหรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารราชการปลอม อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227, 238 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 24, 286, 83

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้มีคำสั่งในส่วนของ นายสมชาย ทรัพย์เย็น อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกแยกฝากขังมาอีก 1 สำนวน โดยศาลมีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ประกอบกับยังต้องรอสอบสวนพยานอีก 15 ปาก ในชั้นนี้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง

ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่น ต่อมามีรายงานว่า ศาลพิเคราะห์แล้วผู้ต้องหาถูกกล่าวหาเข้าเกี่ยวข้องกับคดีนี้จนเกิดความเสียหายใหญ่หลวงน่าสะพรึงกลัว กระทบต่อสังคมอย่างยิ่ง ทั้งพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายก็คัดค้านเกรงจะหลบหนียากแก่การติดตามตัว ซึ่งคดีต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปาก กรณีมีเหตุผลอันสมควรจะรอผลการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว แล้วค่อยพิจารณามีคำสั่งโดยละเอียดรอบคอบต่อไป ยกคำร้อง

จากนั้นศาลได้ออกหมายขังก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะคุมตัวนายเปรมชัยกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป