"ทนายอั๋น บุรีรัมย์" พร้อมคณะทีมงาน ให้กำลังใจอธิบดีดีเอสไอ เดินหน้าทำคดีฮั้วเลือก สว. ต่อไป บังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด ประกาศลั่น จะไม่ยอมให้อะไรมาขวางหรือสกัดกั้นการทำหน้าที่ ท้า สว.อลงกต ตัวต่อตัว อย่ามาเก่งกับอธิบดีดีเอสไอ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมคณะทีมงาน เดินทางเข้าให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 ความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาให้กำลังใจดีเอสไอ เพราะด้วยสถานการณ์กลุ่มบุคคลระดับกรม ระดับกระทรวงที่เข้ามาคล้ายกับจะสกัดยับยั้ง ไม่ให้ความร่วมมือ นับตั้งแต่หนังสือฉบับแรกจากกรมการปกครองที่ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ จนกระจายไปตามผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายทำนองว่ามีข้าราชการ มีหน่วยงาน มั่นใจว่าหมายถึงดีเอสไอว่าถ้ามีการสอบสวนของดีเอสไอหรือหน่วยงานราชการ โดยให้สิทธิ์ประชาชนว่าถ้าคนไหนไม่อยากออกมา ไม่อยากให้ความร่วมมือเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หนังสือฉบับนี้ออกมาเพื่อสกัดไม่ให้ชาวบ้านให้ความร่วมมือ เพราะแค่แหย่ กระซิบ ชาวบ้านเขาก็กลัวแล้ว แต่นี่ให้ผู้ใหญ่บ้านไปกระแทกอีก อีกทั้ง กรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญที่ขยันออกหนังสือในวันหยุด และจังหวัดอำนาจเจริญถือเป็นแหล่งที่อยู่ของเจ๊ใหญ่ เส้นเงินมหาศาลอยู่ตรงนั้น

ดังนั้น นอกจากตนมาให้กำลังใจอธิบดีดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้ว ตนขอประกาศว่า ตนและพี่น้องประชาชน จะไม่ยอมให้อะไรก็ตามมาขวางหรือสกัดกั้นการทำหน้าที่ของดีเอสไอ เพื่อดีเอสไอจะได้ทำคดีฮั้วต่อไป บังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด นำกระบวนการฮั้ว สว. 138+2 และคนเบื้องหลังส่งศาลให้ได้ โดยพี่น้องประชาชนจะเป็นแบ็คให้ดีเอสไอเอง

...

ส่วน สว. ที่ชอบออกมาเคลื่อนไหว โดยเฉพาะ สว.อลงกต วรกี ซึ่งตนได้เจอมา 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้ ขอบอกว่าอย่ามาเก่งกับอธิบดีดีเอสไอ อย่าเก่งกับข้าราชการประจำ อย่าเก่งกับหน่วยงานราชการ เพราะคุณอลงกตเอง ก็เคยเป็นข้าราชการประจำมาก่อน แน่จริงขอท้ามาวัดตัวต่อตัวกับตนแทนหรือไม่ ขอคุณอลงกต อย่าทำตัวกระจอก ทั้งที่รู้ว่าข้าราชการประจำเขาไม่มาปะทะหรอก ขอมาวัดตัวต่อตัวกับตนแทน เอาหลักฐานมากางมาคุยกัน ซึ่งตนเชื่อว่าการแจ้งข้อกล่าวหาโดยดีเอสไอ และ กกต. จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะทราบว่าพรุ่งนี้จะมีการออกหมายเรียกเพื่อเรียกสอบสวนและให้การชี้แจง จากนั้น กกต. จะวินิจฉัย ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน เพื่อพิจารณายื่นไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

สำหรับเรื่องเส้นทางการเงิน การฟอกเงินของกลุ่มฮั้ว สว. จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงและหลักฐานที่มีการเกี่ยวข้องเรื่องเงิน ซึ่งจะมีความผิดตามกฎหมายของ ปปง. คือ ฐานฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่จะต้องมีการอายัดทรัพย์ของบุคคลนั้น ๆ ที่เชื่อว่าได้มาจากการฟอกเงิน