เหตุหนุ่มคลั่งควงปืนบุกปั๊มที่แม่สอด ยิงปะทะตำรวจปิดล้อม ก่อนถูกยิงเจ็บ พบเป็นว่าที่ ดร. ป่วยจิตเวชมานาน 10 ปี คาดขาดยาจนอาการกำเริบ ตร.เข้าเคลียร์พื้นที่แล้ว

วันที่ 6 พ.ค. 68 จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังตำรวจ ทั้งชุดปราบปราม และชุดสายสืบนับ 100 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารราชมนู ติดตามไล่ล่าคนร้ายสะพายอาวุธปืนสงคราม บริเวณถนนสาย ต.แม่สอด กับ ต.แม่ปะ จุดสี่แยกบายพาส กระทั่งเวลา 02.00 น. ชายคนดังกล่าวใช้รถยนต์กระบะสีดำ ขับเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่ง ตรงข้ามสำนักงานเทศบาลนครแม่สอด ก่อนจะอาละวาด และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์กลับถูกชายคนดังกล่าวยิงปืนออกมาถูกใส่รถยนต์ตำรวจตราโล่ จำนวน 2 นัด กระสุนถูกบริเวณข้างรถยนต์ และเกราะกำบัง โชคดีไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกไปด้านหลังปั๊มน้ำมันเข้าไปเก็บตัวอยู่บริเวณร้านอาหารชื่อดังใกล้แยกถนนบายพาส เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไป และมีการปิดถนนสายแม่สอด แม่ปะ จากนั้นจึงเข้าเคลียร์พื้นที่ปั๊มน้ำมัน เพื่อเก็บปลอกกระสุน และหลักฐานของคนร้าย โดยพบรถยนต์กระบะสีดำ และเสื้อผ้ากองอยู่ข้างรถยนต์ และได้ทยอยนำเด็กปั๊มออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งบางคนยังอาบน้ำทำธุระส่วนตัวไม่เสร็จ

...

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังปิดล้อมชายคลุ้มคลั่ง บริเวณแยกศิรินิยม ถนนสายแม่ปะ แม่สอด ก่อนชายคนดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท่านอนยิง จนมีการปะทะกัน 1 นาที ชายคนดังกล่าวถูกกระสุนปืนบริเวณไหล่ด้านซ้ายกระสุนฝังใน ตรงบริเวณอกด้านขวาไม่โดนจุดสำคัญ และบริเวณก้นด้านซ้าย กระสุนทะลุ ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปควบคุมตัว และรีบยึดอาวุธปืนออกมา และนำส่งโรงพยาบาล 

ขณะที่ป้าและแม่ของคนร้าย เผยว่า ผู้ก่อเหตุป่วยจิตเวชมากว่า 10 ปีแล้ว และทานยาอยู่ตลอด เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาไม่ได้กินยาเลย และไม่ยอมนอนหลับพักผ่อนด้วย สาเหตุน่าจะมาจากอาการเครียด จึงก่อเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ทราบชื่อชายที่ก่อเหตุภายหลังคือ นายอนุพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาว อ.แม่ระมาด จ.ตาก เป็นผู้ป่วยจิตเวช มีความชื่นชอบในอาวุธปืน อยู่ในชมรมนักยิงปืนแม่สอด กำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก อยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธปืนสงคราม ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CMMG BANSHEE MK4 จำนวน 1 กระบอก  ซองกระสุน จำนวน 2 ซอง เครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน จำนวน 1 เครื่อง 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.