ตำรวจยังไม่ได้ตัว คนขับเก๋งซีวิคแต่งซิ่ง ชนยายยืนรอใส่บาตรเสียชีวิต พบเคยสร้างวีรกรรมไว้ที่สิงห์บุรี ชนแล้วหนี ลุงกับป้าขี่จยย.พ่วงข้างขายก๋วยเตี๋ยว ได้รับบาดเจ็บ ลูกสาวเผยมีคนกลางโทรมาจะจ่ายเยียวยา 1 แสน พอถึงวันนัดให้ 3 หมื่น แล้วเงียบหายไป ส่วนเรื่องคดียังไม่ไปถึงไหน ตำรวจบอกแค่ว่าให้ “รอรอรอ”
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ จ.สิงห์บุรี ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่รถยนต์เก๋งซีวิคแต่งทรงซิ่ง พุ่งชนยายรอใส่บาตรเสียชีวิตในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งคาดว่าคนขับเป็นคนเดียวกันกับเคสชนรถจยย.พ่วงข้างขายก๋วยเตี๋ยวสิงห์บุรี
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา เวลา 9.30 น. ถนนขุนสรรค์ ตลาดโต้รุ่ง เมืองสิงห์บุรี มีรถเก๋ง Civic สีดำ ขับชนท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขายก๋วยเตี๋ยวของลุงกับป้าสองสามีภรรยา จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นสวมวิญญาณตีนผี รีบเหยียบรถหนีหายไปจากจุดเกิดเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกระเด็นไปโดนรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้อีก 1 คัน มีรถได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 3 คัน และยังจับตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้ ทางตำรวจตรวจสอบ คาดว่าสวมทะเบียนปลอม ซึ่งไม่ตรงกับฐานข้อมูลของทางตำรวจ
...
ทางลูกสาวของคนเจ็บบอกว่า มีการติดต่อว่าจะรับผิดชอบค่ารักษา แต่หายไปเลย เมื่อตามเรื่องกับตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้า จนมาก่อเหตุอีกครั้ง
นางรัตนพร หินแก้ว ลูกสาวคนเจ็บ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีคนกลางโทรมาติดต่อว่าจะจ่ายให้ 100,000 บาท โดยจะจ่ายค่ารักษาเบื้องต้น จำนวน 50,000 บาท แต่เมื่อถึงวันนัด จ่ายมาแค่ 30,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่ได้อีกเลย แถมมาพูดอีกว่าตนเองไปข่มขู่แม่เขา จะให้แม่เอาเรื่อง ตนจึงบอกไปว่างั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุย
บางช่วงบางตอน นางรัตนพร ลูกสาวคนเจ็บ เผยว่า “หนูได้ไปตามคดีที่โรงพักครั้งล่าสุด แต่ร้อยเวรที่เป็นผู้กอง บอกแค่ว่า “ให้รอๆ” ตนไม่สามารถรับรู้ข้อมูลอะไรได้เลยว่าคดีไปถึงไหน ตำรวจกำลังทำอะไรอยู่ ทุกครั้งที่เข้าไปจะได้ยินแต่คำพูดที่ว่า “รอ รอ รอ”
ลูกสาวคนเจ็บเผยอีกว่า ถ้าหากวันนั้นจับคนร้ายได้ คุณยายคงไม่ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ชาวบ้านตาสีตาสา มันไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยหรือว่าคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์อะไรเลยหรือ ที่จะสอบข้อมูล หรือได้รับความเป็นธรรมตรงนี้ ถ้าวันนั้นทางตำรวจทำงานจับคนร้ายได้ตั้งแต่วันที่ชนแม่หนู คงไม่ต้องมีใครมาเสียชีวิตแบบนี้
ทางด้านนางธนมนต์ งอกงาม ผู้เสียหาย ชี้ให้ดูร่องรอยที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่โดนนายกล้าชน และพาไปดูรถพ่วงข้างที่ทำการซ่อมมาแล้ว
โดยนางธนมนต์กล่าวทั้งน้ำตาว่า คดีก็ยังไม่ไปถึงไหน พอไปหาตำรวจ ตำรวจก็พูดจาไม่ดี เราเป็นประชาชนคนหนึ่งนะ เราก็มาพึ่งตำรวจ บอกตรง ๆ เลยว่าถ้าพึ่งตำรวจไม่ได้ ก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร คดีแบบนี้ เราก็เลยบอกลูกสาวว่าให้ปล่อยเป็นเรื่องของเวรกรรม ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องได้รับ พร้อมยอมรับอีกว่าไม่อยากมีเรื่องมีปัญหากับใคร กลัวจะมีคนมาทำร้าย แค่อยากทำมาหากิน เพราะเราอยู่ที่สว่าง เขาอยู่ที่มืด.