พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 กำชับตำรวจเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจบนถนนสายเอเชีย ต่อไปนี้ให้มุ่งเน้นในเรื่องการป้องกันอาชญากรรมเป็นหลัก ส่วนเรื่องของการตรวจจับควบคุมความเร็วให้เป็นเรื่องรอง โดยไม่ให้ตั้งด่านซ้ำซ้อน พร้อมมอบนโยบายให้ว่ากล่าวตักเตือน กรณีขับรถเร็วเกิน 120 กม./ชม. มานิดหน่อย ไม่เร็วมากจนเกินไปนักจนเกิดอันตราย

จากกรณีที่เพจชื่อดังไลฟ์สดกดดัน ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (จร.) สภ.พรหมบุรี อายุ 49 ปี ขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งกล้องตรวจจับความเร็วรถ บนทางหลวงหมายเลข 32 บริเวณเกาะกลางถนน ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี จนมีอาการวูบชักเกร็ง จำนวน 2 ครั้ง ก่อนนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดทางภรรยามีความประสงค์เข้ามาแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ ที่ บช.สอท. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่สถานีตำรวจภูธรพรหมบุรี อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมคณะฯ ได้เรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี และผู้กำกับการตำรวจภูธรพรหมบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางในการตั้งด่านป้องกันอาชญากรรมและกวดขันวินัยจราจร โดยใช้เวลาประชุมร่วม 3 ชั่วโมง

...

หลังจากประชุมเสร็จแล้ว พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ได้มีบุคคลมาทำการไลฟ์สดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพรหมบุรี ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว วันนี้ทางผม ทางรองผู้บัญชาการฯ และผู้บังคับการฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เส้นทางถนนสายเอเชีย ได้มาประชุมเพื่อวางแนวทางในการตั้งด่านป้องกันอาชญากรรมและกวดขันวินัยจราจร ซึ่งบนถนนสายเอเชีย มีป้ายเตือนค่อนข้างเยอะมาก มีป้ายควบคุมความเร็วตั้งแต่พื้นถนน และตรงส่วนบนสะพานลอย และป้ายทั้งทางซ้าย ทางขวา ทุก 5 กิโลเมตร จะมีป้ายชุดนี้คอยเตือนตลอด

ซึ่งความเร็วที่กฎหมายกำหนดไว้ตรงที่ไม่เกิน 120 กม./ชม. เป็นความเร็วที่พอเหมาะในการสัญจรไปมาของรถยนต์ส่วนบุคคล ถ้าขับเร็วมากไปกว่านี้เวลาเกิดอุบัติเหตุก็จะเกิดความสูญเสียมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงต้องควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย

วันนี้ผมจึงมามอบนโยบายให้ท่านผู้การฯ ทั้ง 4 จังหวัดที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่ภายใต้บัญชาการของตำรวจภูธรภาค 1 คือ ต่อไปนี้ให้ตั้งด่านเพื่อเน้นในเรื่องการป้องกันอาชญากรรมเป็นหลัก ส่วนในเรื่องของการควบคุมความเร็วของการขับรถให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เป็นเรื่องรอง ทั้งขาขึ้น ขาล่อง ก็จะต้องมีด่านอยู่ แต่จะอยู่ในจุดที่เหมาะสม และต่อไปจะไม่มีการตั้งด่านซ้ำซ้อนกันอีก

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิ์ในการตั้งกล้องจับความเร็วไหมนั้น ผมขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะตรวจจับความเร็วของการขับรถได้ตามกฎหมาย ความเร็วที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่ถ้าท่านขับมาเกิน 120 กิโลเมตรนิดหน่อย ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พิจารณาแล้วเป็นการไม่ได้ตั้งใจ ก็จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือนแทน

“กรณีหากขับรถเร็วเกิน 120 กม./ชม. แต่ไม่ได้มีเจตนาจะเร็วไปมากกว่านั้น บางจังหวะต้องเร่งต้องแซง ความเร็วอาจจะเกินตรงนั้นไปนิดหน่อย ซึ่งถ้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเราพิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้าไม่ได้มีเจตนาที่จะขับรถเร็วจนเกินกฎหมายกำหนดจริงๆ เราก็จะพิจารณาว่ากล่าวตักเตือนให้ แต่หมายความว่า ไม่ใช่ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนได้หลายๆ ครั้ง เราจะมีการลงบันทึก เรคคอร์ดไว้ ว่าบุคคลผู้นี้ได้ถูกว่ากล่าวตักเตือนไว้แล้ว”

พล.ต.ท.สุรพล กล่าวอีกว่า “ในส่วนของเครื่องแบบตำรวจ ซึ่งเป็นชุดเครื่องแบบภาคสนาม รองเท้าก็จะเป็นรองเท้าที่ใส่แล้วต้องคล่องตัวตามหน้าที่ของการปฏิบัติงานของแต่ละคน และผู้บังคับบัญชาฯ ได้มีความห่วงใยต่อสุขภาพร่างกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพร่างกายทุกปี เพราะถ้าเกิดมีโรคหรือความเสี่ยงต่อโรคอะไร จะได้ทำการรักษาทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อที่จะได้สามารถดูแลพี่น้องประชาชน ส่วนในเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ด.ต.ศุภมิตร นั้น ทางผมและผู้บังคับบัญชา ช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี อยู่ในขั้นที่ปลอดภัยแล้ว สำหรับบุคคลภายนอกที่ได้มาทำการไลฟ์สดนั้น ทางฝ่ายพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะดูว่าเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องใดบ้าง”

...

โดยหลังการประชุมเสร็จสิ้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุที่ ด.ต.ศุภมิตร ตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว ที่ริมถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น ก่อนถึงด่านพรหมบุรี ประมาณ 4-5 กิโลเมตร