พิสูจน์หลักฐาน นำหุ่น-คน เท่าตัวจริง จำลองเหตุการณ์ "อดีตผู้กำกับโจ้" เสียชีวิตในคุก ยัน ไม่มีดีเอ็นเอคนอื่นที่เกิดเหตุ ส่วนไฟล์เสียงกับครอบครัวก่อนตายยังไม่ได้รับ

กรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนสอบสวนเป็นเหตุฆ่าตัวตายหรือมีใครทำให้เสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น

วันที่ 14 มี.ค. 68 พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. ในฐานะกรรมการการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเข้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า วันนี้เป็นการเข้ามาทำภารกิจในส่วนของการจำลองเหตุการณ์โดยได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จากวันที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมที่ สน.ประชาชื่น และได้สั่งการให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางเข้ามาจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิต

ทางพนักงานสอบสวนได้เตรียมสิ่งของจริงในที่เกิดเหตุมาทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะนำมาใช้จริงในการจำลองเหตุการณ์ แต่จะใช้กับหุ่นจำลองหรือคนนั้นจะต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าวันนี้มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นการใช้คนหรือหุ่น โดยการจำลองวันนี้มุ่งเน้นไปที่การใช้ผ้าขนหนูประมาณ 1 เมตร พิสูจน์ว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ที่เป็นสาเหตุทำให้อดีตผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

...

ทั้งนี้ ไม่ว่าหุ่นหรือคนจะต้องเป็นขนาดเดียวกันกับตัวผู้เสียชีวิต เพราะจะมีผลกับการทิ้งตัวลงมาเมื่อใช้ผ้าขนหนูผูกกับลูกกรง

พล.ต.ต.วาที กล่าวต่อว่า คดีนี้ได้รับการกำกับมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าเป็นคดีสำคัญและเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน จำเป็นต้องทำให้สิ้นความสงสัย ทั้งนี้หลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทางกองพิสูจน์หลักฐานกลางยืนยันว่า ได้เก็บรวมไปอย่างเรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าพื้นที่แล้วมีความสมบูรณ์มากที่สุด

ในส่วนของ DNA ในที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้ส่งผลตรวจให้พนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้วยืนยันว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มี DNA บุคคลอื่นยุ่งเกี่ยวในที่เกิดเหตุ ผลค่อนข้างมีความชัดเจน

ในส่วนไฟล์เสียงการสนทนากับครอบครัวก่อนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้รับ จากเรือนจำ ได้รับเพียงวงจรปิดตัวสมบูรณ์ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน โดยขั้นตอนเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการคัดลอกคลิปนั้นออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เวลาดึงออกมาตรวจสอบแล้วเกิดความเสียหายกับต้นฉบับ