ปราจีนบุรี กฟภ.พร้อมตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี บุกตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 6 แห่งใจกลางเมืองกบินทร์บุรี หลังพบว่ามีการใช้ไฟต่อเนื่องแบบผิดปกติ ทำชาวบ้านเดือดร้อน ไฟขัดข้อง 3 ครั้งต่อวัน ยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ 90 เครื่อง พบมีเจ้าของคนเดียวกัน เป็นเฮียที่ขอนแก่น จ้างพม่าคอยดูแล พบใช้เบรกเกอร์ ไวไฟ ควบคุมการทำงาน หลีกเลี่ยงหากเจ้าหน้าที่ใช้สัญญาณตรวจจับความร้อน

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่ จ.ปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอกบินทร์บุรี ได้ร่วมกับตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในเขตตำบลนนทรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พื้นที่ดังกล่าวนั้นมีเหตุกระแสไฟฟ้าขัดข้องบ่อยครั้ง หลังจากตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่ามีการใช้ไฟเกินขนาดแบบมีพิรุธ คาดว่าน่าจะถูกลักใช้ไฟจึงได้ร่วมกับตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี เข้าตรวจสอบดังกล่าว

ที่เกิดเหตุนั้นเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง โดยรูปแบบของตึกนั้น มีการปรับแต่งคล้ายกับร้านอาหาร เบื้องต้นก่อนจะเข้าตรวจสอบนั้น มีการปิดประตูล็อกกุญแจแน่นหนา แต่ก่อนจะตรวจเข้าคนนั้น พบว่ามีชายลักษณะเป็นชาวต่างด้าว เข้ามาเปิดประตู จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ และได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า เป็นผู้ดูแลตึกดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญชาติพม่า ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และได้นำขึ้นไปตรวจสอบชั้น 2 ของอาคารดังกล่าว

...

จากการตรวจสอบ พบว่า ด้านบนห้องนั้นมีการดัดแปลงโดยมีการบุผนังเก็บเสียง โดยใช้ฟองน้ำปิดผนังโดยรอบ เบื้องต้นภายในห้องนั้นได้มีการดัดแปลงเป็นห้องเล็กๆ และมีลักษณะ CPU (เครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล) จำนวน 15 ตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าพบว่ามีการลักลอบต่อไฟแบบไม่ผ่านมิเตอร์เพื่อเอาไปใช้การกระทำดังกล่าว คาดว่าเบื้องต้นน่าจะเป็นการลักลอบทำเหมืองขุดบิทคอยน์ โดยลักใช้ไฟหลวง

หลังจากนั้นผู้ที่ดูแลตึก ให้การยอมรับว่ายังมีอีกหลายแห่งในเขตกบินทร์บุรี จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสำรวจจุดต่างๆ ซึ่งพบว่าอยู่ในเขตกบินทร์บุรีทั้งสิ้น โดยแต่ละจุดนั้นจะมีลักษณะอาคารพาณิชย์ และมีการจัดห้องคล้ายๆ กัน โดยแต่ละห้องนั้นจะมีเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล ที่ใช้กำลังพัดลมจำนวนมาก 15 เครื่องเท่ากันทุกตึก

เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นในแต่ละตึกที่ใช้ทำเหมืองขุดบิทคอยน์นั้นจะเลือกตึกที่มีสายไฟผ่านบริเวณหน้าอาคารชั้น 1 เท่านั้น โดยจะทำการตีฝ้าครอบ เพื่อตบตาและหลีกเลี่ยงสายตาเจ้าหน้าที่ ระหว่างสายไฟแรงสูงที่ในการรับใช้ไฟฟ้านั่นเอง

โดยขณะตรวจค้นจุดที่ 3 อยู่นั้น พบว่ามีการตัดไฟเครื่องสำหรับไว้ขุดบิทคอยน์

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ของไฟฟ้า พบว่าอุปกรณ์ตัวดังกล่าวนั้นเป็นเบรกเกอร์ที่ใช้ WiFi สำหรับควบคุมการทำงานระยะไกลคาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในวิธีที่หลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ เพราะว่าการขุดบิทคอยน์นั้นต้องใช้ความร้อนจำนวนมาก หากเจ้าหน้าที่ใช้สัญญาณตรวจจับความร้อนก็สามารถจะตรวจเจอได้

เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้านได้ให้ข้อมูลว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าวนั้น มีผู้เช่ามาเช่าตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา พบการผิดปกติของกระแสไฟฟ้า มีการขัดข้องบ่อยครั้ง ซึ่งมากสูงสุด 3 ครั้งต่อวัน จนคิดว่าข้างบ้านหรือใกล้เคียงนั้นมีสถานที่ก่อสร้างหรือไม่จึงทำให้ไฟฟ้าเกิดขัดข้อง ทางตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าให้เข้าตรวจสอบจึงพบว่ามีการลักลอบทำเหมืองขุดบิทคอยน์ดังกล่าว

จากการสอบถาม นายบัณฑิต ปานท้วม ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขา ระดับ 10 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขากบินทร์บุรี ซึ่งเป็นผู้ที่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าภูมิภาคสาขากบินทร์บุรี ได้พบความเสี่ยงการใช้ไฟฟ้าสูง เสี่ยงต่อการละเมิดใช้ไฟฟ้าเป็นการละเมิดใช้ไฟฟ้าแบบเครื่องขุดบิทคอยน์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงได้ประสานไปยังตำรวจกบินทร์บุรี เจ้าของพื้นที่เข้าร่วมการตรวจสอบ ทำให้เกิดการตรวจยึดและขยายผลพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีการกระทำความผิดในเขตพื้นที่กบินทร์บุรี จำนวน 6 แห่ง

...

โดยพบว่าแต่ละแห่งที่ตรวจพบนั้น มีอุปกรณ์ขุดบิทคอยน์ จำนวน 15 เครื่อง รวมทั้งหมดเป็น 90 เครื่อง

จากการตรวจสอบกระแสไฟฟ้าเกี่ยวกับมูลค่าความเสียหายนั้น พบว่าต่อเดือนมีมูลค่ากว่า 200,000 บาท โดยแต่ละเดือนนั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกบินทร์บุรี จะมีค่าความเสียหายมูลค่า 1,200,000 บาท โดยผู้กระทำความผิดนั้น ได้ติดตั้งอุปกรณ์แบบผนังเก็บเสียง ยากที่จะตรวจสอบด้วยวิธีหาความร้อน อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับการตัดกระแสไฟเบรกเกอร์โดยสัญญาณ WiFi โดยจากการดูผ่านกล้องวงจรปิดในแต่ละจุด อีกทั้งบริเวณจุดต่อสายไฟทั้งหมดนั้นมีการปิดบังซ่อนอำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าตรวจสอบยากมากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากไปถึงประชาชนโปรดช่วยสังเกต อาคารพาณิชย์ที่ผิดปกติ เช่าแล้วไม่มีคนอยู่ อาจจะมีเสียงดังหรือมีความร้อนผิดปกติ เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นเกิดจากการลักลอบใช้ไฟแรงสูงแบบไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้และไฟฟ้าลัดวงจรในพื้นที่นั้นๆ ได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดกระแสไฟฟ้าและเก็บอุปกรณ์ของกลางต่างๆ ไปยัง สภ.กบินทร์บุรี เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีเกี่ยวกับเข้าข่ายการละเมิดการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด โดยความผิดดังกล่าวนั้นมีโทษทางอาญาและทางแพ่ง และจะให้ชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาระยะเวลาการประกอบการดังกล่าว เพื่อแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนหาผู้ที่เข้าตึกดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีต่อไป

...

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบถามนายขวัญ ชาวพม่า ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลตึกได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ทำงานเกี่ยวกับการดูแลทำความสะอาดอาคารทั้งหมดอาคาร เป็นเวลาประมาณ 1 เดือนแล้ว ตนไม่รู้ว่าอาคารดังกล่าวนั้นเปิดไว้ทำอะไร ตนมีหน้าที่แค่คอยดูแลทำความสะอาดเท่านั้น โดยตนจะติดต่อผู้ว่าจ้างที่เรียกว่า “เฮีย” ที่อยู่ในจังหวัดขอนแก่น ผ่านแอปไลน์ หรือทางโทรศัพท์เท่านั้น.ป